ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะในตลาดลอนดอนร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ "เชิงลบ"
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลง 112.60 จุด หรือ 1.9% ปิดที่ 5,835.89 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอนร่วงลงเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากรายงานของหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง และมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ค.2554 ขยายตัวที่ระดับ 51.1 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 51.8 จุด
ทั้งนี้ หุ้นริโอทินโตปิดร่วง 2% หุ้นบีเอชพี บิลลิตันปิดลบ 2.4% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่สุดของยุโรป ร่วงลง 2.3% หุ้นบีพีดิ่งลง 1.7%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันหลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิมที่ระดับ "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอิตาลีอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีหากรัฐบาลยังไม่สามารถลดยอดการกู้ยืม
หุ้นไรอันแอร์ปิดร่วง 5.3% หลังจากมีรายงานว่าทางสายการบินจะลดเที่ยวบินเป็นครั้งแรกในฤดูหนาวปีหน้า เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำกำไรของไรอันแอร์