ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งเหวถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในยุโรป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ "เชิงลบ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือในวันข้างหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาด้านการคลังของสเปน หลังจากพรรคสังคมนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของสเปนพ่ายแพ้การเลือกตั้งในระดับภูมิภาค
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.7% ปิดที่ 274.78 จุด
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 83.87 จุด หรือ 2.10% ปิดที่ 3,906.98 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลง 145.30 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 7,121.52 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลเรื่องการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิมที่ระดับ "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าเอสแอนด์พีอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีหากรัฐบาลยังไม่สามารถลดยอดการกู้ยืมและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากมีรายงานว่า พรรคสังคมนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของสเปนพ่ายแพ้การเลือกตั้งในระดับภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกในรอบ 30 ปี และยังอาจส่งผลกระทบกระทบต่อการแก้ปัญหาด้านการคลังภายในประเทศ
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดดัชนี FTSE MIB ตลาดหุ้นอิตาลีร่วงลง 3.3% และฉุดดัชนี IBEX ตลาดหุ้นสเปนร่วงลง 1.4%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปซบเซามากขึ้นเมื่อมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยุโรปขยายตัวที่ระดับ 55.4 จุดในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ขยายตัวได้แข็งแกร่งถึง 57.8 จุด
ความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่สุดของสเปน ร่วงลง 1.7% ขณะที่หุ้นอินเทซา ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของอิตาลี ร่วงลง 2.8% หุ้นแบงก์ ออฟ ไอร์แลนด์ ดิ่งลง 5.4% และหุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของเยอรมนี ร่วงลง 3.7%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน อันเนื่องมาจากรายงานของเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง และมาร์กิต อิโคโนมิคส์ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ค.2554 ขยายตัวที่ระดับ 51.1 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 51.8 จุด
ทั้งนี้ หุ้นแองโกล อเมริกันปิดร่วง 4.1% หุ้นอันโตฟากัสตาปิดร่วง 3.9% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงเช่นกัน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนเชื้อเพลิง โดยหุ้นไรอันแอร์ร่วงลง 5.3% หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ดิ่งลง 4.5% หุ้นอีซีเจ็ทปรับตัวลง 4.9% และหุ้นลุฟฮันซาปิดร่วงลง 3.5%