นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส(ASP)คาดว่ารายได้และ กำไรในไตรมาส 2/54 จะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมองว่ามีการเติบโตทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะงานวาณิชธนกิจ(IB) หลังบริษัทได้เป็นที่ปรึกษาการเงินและ ผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป( LHBANK)
ในปีนี้บริษัทยังดีลงาน IB จำนวน 23 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด (IPO) 8 ดีล งานควบรวมกิจการ(M&A) 6 ดีล ดีลขายหุ้นเพิ่มทุน (PO) 2 ดีล และ ที่ปรึกษาทางการเงิน( FA) 7 ดีล โดยในส่วนดีล IPO คาดว่าจะนำเข้าตลาดหุ้นได้ 3 บริษัทภายในปีนี้ ส่วน PO น่าจะจบภายในปีนี้ ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว นอกจากนั้น ปีนี้บริษัทมีแผนออกตราสารใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธฺ์(DW) เกิน 10 ตัว
สำหรับแผนระยะ 5 ปี บริษัทมองว่าแม้ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ มองว่าการเติบโตจะทรงตัว แต่ในส่วนหน่วยธุรกิจอื่นทั้งธุรกิจการลงทุน ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน วาณิชธนกิจ ตราสารอนุพันธ์ และ การลงทุนในต่างประเทศที่บริษัทลงทุนใน 21 ตลาดใน 17 ประเทศ ทั้งหมดนี้มีแนวโน้มเติบโตดี
"กลยุทธ์ของเราต้องการเน้นบุคคลากรให้มีความรู้ความสามารถ เท่าเทียมกับบริษัทต่างประเทศ ให้การศึกษากับลูกค้า พร้อมกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ" ประธานกรรมการบริหาร ASP กล่าว
ส่วนการเปิดเสรีการค้าหลักทรัพย์ในปีหน้า บริษัทมองว่า อาจจะมีการแข่งขันด้านราคาเพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่มีนโยบายแข่งขันด้านราคา และคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีหน่วยธุรกิจหลากหลายที่กระจายรายได้ให้กับบริษัทอยู่แล้ว
นายก้องเกียรติ มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมี upside 10-15% ขณะที่คาดว่ากำไรต่อหุ้น(EPS)ของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโต 18% จากปีก่อน และตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ หลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/54 ออกมาดีเกินคาด และเงินทุนจากต่างประเทศ(fund flow)จะไหลกลับเข้ามาช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ลุกลามไปในหลายประเทศ และส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
"ช่วงนี้ที่ตลาดลง มาจากปัญหาหนี้ในยุโรป รวมทั้งการปรับฐานของสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนหนึ่งก็ถือเป็น low season ช่วงเดือนพ.ค. ฝรั่งพักร้อน แต่น่าจะกลับมาอีกครั้งในช่วง ส.ค.-ก.ย." นายก้องเกียรติ กล่าว