นางสาวโศภนา เจนบวร รองกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มจัดการลงทุนตราสารทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น ไปถึง 1,200 จุด แม้จะผันผวนในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.แต่คาดว่าในไตรมาส 3 หุ้นจะกลับมาฟื้น และนักลงทุนต่างประเทศอาจไหลกลับมาหลังคลายกังวลปัญหาหนี้ในยุโรป และ การต่อมาตรการ QE2 ของสหรัฐ
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงมา โดยล่าสุดลงมาอยู่ในระดับราว 1,050 จุด จากที่ขึ้นไปสูงสุด 1,110 จุดในวันที่ 21 เม.ย.54
"ตลาดหุ้นมีโอกาสผันผวนจากช่วงนี้ไปจนถึงเดือนหน้า(มิ.ย.) ระหว่างรอผลการเลือดตั้ง แต่ในช่วงตลาดแกว่งลงก็เป็นโอกาสเข้าซื้อ และคิดว่าเป็นช่วงที่ดีในเข้าซื้อ...ตลาดน่าจะกลับมาดีในไตรมาส 3" นางสาวโศภนา กล่าว
นางสาวโศภนา มองว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังปรับตัวลงมานี้ ราคาหุ้นหลายตัวอาจปรับลงลึกเกินกว่าที่ควรจะเป็น หรือมากกว่าการปรับลงของดัชนีตลาดที่ปรับลดลงมา 5% จึงเห็นเป็นจังหวะลงทุนที่ควรทยอยสะสมเลือกลงทุนหุ้นที่พื้นฐานดีที่แนวโน้มผลกำไรเติบโตสูง จ่ายเงินปันผลดีในปีนี้
เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ที่คาดว่าจะเติบโต 4-5% อัตราดอกเบี้ยแม้จะอยู่ในขาขึ้นแต่ยังคงอยู่ในระดับไม่สูงนัก และสภาพคล่องภายในประเทศอยู่ในระดับสูง ผลประการบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และจากการประเมินมูลค่าหุ้น(Valuation)ของตลาดหุ้นไทยยังคงไม่แพงเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยภูมิภาค
ทั้งนี้ เห็นว่าหุ้นกลุ่มอาหารยังน่าสนใจลงทุน ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 2/54-ไตรมาส 3/54 กำไรยังเติบโตดี และจ่ายเงินปันผลได้ดี ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์มองว่าที่ผ่านมามีแรงขายทำกำไร จนถึงระดับที่น่าเข้าลงทุนได้ เพราะคาดว่าสินเชื่อในไตรมาส 2/54-ไตรมาส 3/54 จะยังเติบโต และ รายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตด้วย อีกทั้งคาดว่าจะได้ประโยชน์จาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นตามมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งในการประชุมครั้งหน้า (1 มิ.ย.)คาดจะมีการปรับขึ้น 0.25%
ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี แม้ว่าไตรมาส 2/54 จะอ่อนตัวกว่าในไตรมาสแรก แต่ราคาและผลประกอบการไม่ได้แย่มากนัก แต่เชื่อว่าในครึ่งหลังปีนี้ยังเติบโตดีอยู่ อย่างไรก็ดี กลุ่มปิโตรเคมีต้องติดตามข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ หากมีผลเป็นเชิงบวก ราคาหุ้นจะสะท้อนได้มาก
นอกจากนี้ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมก็น่าจับตามองและลงทุนในระยะยาว จากนักลงทุนต่างประเทศจะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย ซึ่งส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่จะขายที่ดินได้มากขึ้น รวมทั้งการขยายโรงไฟฟ้าและน้ำประปา ทำให้มองข้ามไปปีหน้าภาพของธุรกิจนี้จะเติบโตขึ้นจากปีนี้