บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้อกิจการ บริษัท สยามกัลฟ์ ปิโตรเคมีคัล(SGPC) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ
พร้อมกันนั้น บริษัทเตรียมหารือฝ่ายกฎหมายเพื่อหาแนวทางดำเนินการฟ้องร้องหลังจากบริษัทได้รับความเสียหายจากกรณีที่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) ออกมาระบุยืนยันว่าจะไม่ต่อสัญญาขายคอนเดนเสท เรสซิดิวให้กับบริษัท ซึ่งสัญญาฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุด 31 ม.ค.55 เนื่องจากมีผลกระทบกับราคาหุ้น และทำให้ผู้ถือหุ้นขาดความเชื่อมั่นในบริษัท
ขณะที่คดีข้อพิพาทเรื่องดังกล่าวระหว่างคู่ความคือ RPC และบมจ.ปตท.(PTT)ยังอยู่ในขั้นตอนอนุญาโตตุลาการที่ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 52 คาดว่าจะมีผลตัดสินภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทได้เรียกร้องค่าเสียหาย 9.9 พันล้านบาท
"การกระทำของ PTTAR ถือว่าเป็นเจตนาที่ไม่ดี เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก พอข่าวเกิดขึ้นนักลงทุนก็ตกใจ ราคาหุ้นก็ร่วงลงไป และแบงก์ก็เริ่ม Review ในการปล่อยเงินกุ้ให้เรา เราตระหนักดีว่า เรากำลังเล่นกับยักษ์ แต่ก็ต้องเข้าใจเราด้วยว่า เรามีอีกนับพันชีวิตที่ต้องดูแล" นายสัจจา เจนธรรมนุกูล ประธานกรรมการ RPC กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการเตรียมแผนในการรองรับปัญหาจากการถูกยกเลิกสัญญาดังกล่าว ทั้งการเข้าไปซื้อกิจการ SGPC ซึ่งมีกำลังการผลิต 5 หมื่นบาร์เรล/วัน
ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจโรงกลั่นขนาดใหญ่ ซึ่งหากมีความร่วมมือกันได้ก็จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็นระดับ 1 แสนบาร์เรล/วัน
"ตอนนี้ เรามีแผนในการรองรับ ทั้งการดำเนินธุรกิจ ประเภทพลังงานทดแทน พวกไบโอดีเซล และการศึกษาที่จะเข้าไปเทกโอเวอร์ SGPC และการมีพันธมิตร เพื่อที่จะทำให้กำลังการผลิตเรามากขึ้น...แต่ถ้าหากจะซื้อ SGPC เราก็จะต้องมีแหล่งเงินทุนที่ชัดเจน" นายสัจจา กล่าว
ทั้งนี้ จากปัญหาการถูกยกเลิกสัญญาดังกล่าว ทำให้แผนการก่อสร้างโรงงานในจ.ระยอง ที่ต้องรับวัตถุดิบจาก PTTAR ต้องชะลอโครงการไว้ก่อน ส่วนแผนการเสนอขาย TDR จำนวน 170 ล้านหุ้นต่อตลาดหลักทรัพย์ GreTai Secu-rities Market (GTSM) ที่สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว
ด้านนายชำนิ จันทร์ฉาย ประธานที่ปรึกษา RPC กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนออก TDR เหมือนเดิม และคาดว่า TDR จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวัน ในปลาย ก.ค.นี้ เนื่องจากนักลงทุนไต้หวันไม่ค่อยให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในสัปดาห์หน้าคาดว่า ก.ล.ต.ไต้หวันจะอนุมัติไฟลิ่ง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าระดมทุนได้ประมาณ 800 ล้านบาท บริษัทจะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียน