ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกหนี้ยุโรปถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 25.05 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 25, 2011 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซอาจจะทำให้กรีซต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงไม่มากนัก เพราะตลาดได้แรงหนุนจากยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 25.05 จุด หรือ 0.20% แตะที่ 12,356.21 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 1.09 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 1,316.28 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 12.74 จุด หรือ 0.46% แตะที่ 2,746.16 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วนเกือบ 1 ต่อ 1

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ที่กำลังลุกลามในยุโรป โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซอาจจะทำให้กรีซต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศอื่นๆในยุโรปที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้นั้น ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อรายงานว่า พรรคฝ่ายค้านของกรีซได้ออกมาต่อต้านความพยายามในการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดการขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองและสถานะการคลังที่ย่ำแย่ของกรีซอาจทำให้กรีซไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับความช่วยเหลือครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าปัญหาหนี้ของกรีซกำลังเริ่มลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่นสเปน โดยข้อมูลของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่า ธนาคารของสหรัฐถือครองสินทรัพย์ในสเปน รวมถึงตราสารหนี้ของรัฐบาลและสินทรัพย์ประเภทอื่นๆอยู่ถึง 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 7.3% แตะที่ 323,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 300,000 ยูนิต

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX และน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้น ภายหลังจากโกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะสูงขึ้นอีก โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นถึง 135 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในสิ้นปี 2555

ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.3% โดยหุ้นเอล พาโซ คอร์ป ปิดบวก 6% ขณะที่หุ้นเชฟรอนปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน

หุ้นออโต้โซน อิงค์ ปิดบวก 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 12% ส่วนหุ้นสแตนลีย์ แบล็ค แอนด์ เด็คเคอร์ ปิดร่วง 2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทโกลด์ฟาร์บ แบรนแฮม ซึ่งเป็นบริษัทกฎหมายของสหรัฐ เข้าตรวจสอบคณะผู้บริหารของสแตนลีย์ แบล็ค แอนด์ เด็คเคอร์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง (เบื้องต้น) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนเม.ย.และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ