ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกดีดตัวขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยลดผลกระทบจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารอังกฤษ 14 แห่ง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 22.52 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 5,858.41 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,835.89-5,884.66 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน รวมถึงทองแดง นิกเกิล และดีบุก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาโลหะ ทั้งนี้ หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดพุ่ง 1.5% หุ้นคาซัคมิสปิดบวก 2.3%
หุ้นเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมของอังกฤษ ปิดพุ่ง 4.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายและผลประกอบการปีนี้
หุ้นเคร์น เอนเนอร์จี ปิดบวก 4% หลังจากบริษัทประกาศแผนการขุดเจาะน้ำมันที่แหล่งสำรองหลายแห่งนอกชายฝั่งกรีนแลนด์ คิดเป็นมูลค่าโครงการ 600 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ 14 แห่งในอังกฤษ ซึ่งรวมถึงลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ และซานตานเดร์ ยูเค โดยระบุว่าธนาคารเหล่านี้อาจเผชิญกับความเสี่ยงด้านสินเชื่อมากขึ้น หากรัฐบาลอังกฤษถอนมาตรการสนับสนุนภาคการธนาคาร
หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง ปิดร่วง 2.2% หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดร่วง 1.1% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ปิดลบ 1% และหุ้นธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ปิดลบ 0.5%
ทั้งนี้ ธนาคารในอังกฤษได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลประมาณ 1 ล้านล้านปอนด์ (1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ค้ำประกันตราสารหนี้ของภาคธนาคารหลังจากเกิดวิกฤตการเงินในปี 2551 อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักการเมืองและภาคธุรกิจได้วิพากษ์วิจารณ์ธนาคารพาณิชย์ในอังกฤษที่ไม่สามารถกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้ แม้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก็ตาม