ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนีและสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของโกลด์แมน แซคส์
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 29.14 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 7,150.66 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,128.04-7,202.21 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 9.90 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 3,916.88 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,907.16-3,934.52 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดบวก 0.2% แตะที่ 1,118.76 จุด และดัชนี STOXX Europe 600 หุ้นกลุ่มทรัพยากรพุ่งขึ้น 1.4%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีที่ระบุว่า อุปสงค์ภายในประเทศช่วยหนุนให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 1.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ขณะที่สถาบัน Ifo ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ซึ่งได้จากผลสำรวจความเห็นของบริษัทประมาณ 7,000 แห่งในเยอรมนี ทรงตัวที่ระดับ 114.2 ในเดือนพ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงขยายตัวได้ดี
นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.3% แตะที่ 323,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 300,000 ยูนิต
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาโลหะและราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 1.8% หุ้นริโอทินโตปิดบวก 2% หุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 1.7% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดบวก 1.5%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่องหนี้ยุโรป หลังจาก มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซอาจจะทำให้กรีซต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศอื่นๆในยุโรปที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้นั้น ปรับตัวสูงขึ้นด้วย