ประชาชนใน ต.กุดนก อ.เมือง และ ต.ห้วยแท่ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งมีอาชีพเป็นเกษตรกรจำนวน 124 คน นำโดยนางศรีวรินทร์ บุญทับ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน(BWG) เป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายรวม 2,006 ล้านบาท
โดยบรรยายฟ้องของโจทก์สรุปได้ว่า โจทก์เป็นเกษตรกรบริเวณบ้านหนองปลาไหล ต.กุดนก อ.เมือง และ ต.ห้วยแท่ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อปี 2542 จำเลยได้เปิดกิจการรับฝังกลบขยะอุตสาหกรรมที่ไม่อันตรายในพื้นที่ดังกล่าว แต่ต่อมาภายหลังจำเลยได้ขยายกิจการรับฝังกลบขยะอันตรายด้วย กระทั่งเกิดมลพิษจากบ่อขยะ น้ำเสียไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะจนเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ปลาที่เลี้ยงไว้ตาย ชาวบ้านเริ่มเจ็บป่วยมีอาการผิวหนังอักเสบ หายใจไม่ออก แสบตา ตาพร่ามัว จมูกอักเสบ เป็นซีตส์ เจ็บหน้าอก ปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ตับอักเสบ ภูมิคุ้มกันลดลง
ก่อนหน้านี้โจทก์และพวกได้ร้องเรียนต่อส่วนราชการ พบว่ามีสารแคดเมี่ยม สารปรอท แมงกานีส และสารอื่นๆ ปะปนในน้ำ อากาศ พืชผัก สัตว์เลี้ยง และในพื้นดิน ซึ่งส่งผลให้โจทก์และพวกเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าขาดรายได้จากผลผลิตทางการเกษตร จึงนำเรื่องมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ย และค่าเสียหายในอนาคต ซึ่งศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดทำการแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลแพ่ง เนื่องจากที่ผ่านมามีการฟ้องร้องคดีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่อศาลยุติธรรมทั่วประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ และหลายคดีเป็นที่สนใจของประชาชน ดังนั้นจึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ให้ศาลแพ่งเป็นศาลนำร่องเปิดพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมที่เกิดทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วราชอาณาจักร โดยประเดิมวันแรกมีผู้มายื่นฟ้องคดีสิ่งแวดล้อมต่อศาลแพ่งรวม 3 คดี เรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์แต่ละคดีนับพันล้านบาท
อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง กล่าวว่า อำนาจฟ้องของประชาชนในคดีสิ่งแวดล้อมต่อศาลแพ่ง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมลพิษต่างๆ ในลักษณะละเมิดทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายเป็นตัวเงิน และเนื่องจากคดีลักษณะนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่มีฐานะยากจน หากเรียกค่าธรรมเนียมศาลตามปกติ บางคดีอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลนับล้านบาทก็ได้ ดังนั้นกฎหมายจึงเปิดช่องให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลแก่ชาวบ้านเป็นหลัก
สำหรับแนวทางการพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ฝ่ายผู้ก่อมลพิษมีหน้าที่นำสืบว่าได้ก่อมลพิษจริงหรือไม่ ผู้เสียหายได้รับความเสียหายตามฟ้องหรือไม่ โดยฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายก็ไม่ต้องสืบพยานทั้งหมด แต่สามารถส่งตัวแทนมาเบิกความแทนได้ ซึ่งศาลจะใช้ดุลยพินิจประกอบคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่ขึ้นทะเบียนกับศาลไว้ ซึ่งผลของคดีจะแพ้หรือชนะต้องฟังผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามก่อนจะสืบพยาน ศาลจะให้คู่ความไกล่เกลี่ยกันเสียก่อนเพื่อจะได้ลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และสร้างความรู้สึกที่ดีกับคู่ความทุกฝ่าย
อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง กล่าวว่า การตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลแพ่งไม่ได้เป็นการแย่งงานของศาลปกครองมาทำ เพราะคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองเป็นการฟ้องหน่วยราชการที่ปล่อยให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อชาวบ้าน จึงมีการฟ้องร้องให้รัฐเข้ามาช่วยแก้ไขเยียวยา หรือเรียกค่าเสียหาย ส่วนคดีที่ฟ้องศาลแพ่งเป็นคดีเสียหายจากการละเมิดต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินโดยตรง