(เพิ่มเติม) STEC เผยปี 54 รายได้มีโอกาสแตะ 1.5 หมื่นลบ.จากเป้าเดิม 1.4 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 25, 2011 16:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้มีโอกาสแตะ 1.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาดไว้ 1.4 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9.3 พันล้านบาท โดยหากบริษัทสามารถเริ่มงานต่างๆได้เร็วขึ้น หรือชนะงานประมูลใหม่ได้เข้ามาเพิ่มเติม ก็น่าจะทำให้มีรายได้สูงกว่าที่คาด ส่วนกำไรก็คาดว่าจะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไร 443 ล้านบาทอย่างแน่นอน

“ยืนยันว่า 1.4 หมื่นล้านบาททำได้แน่นอน แต่หากมีโครงการที่เข้ามาและสามารถเริ่มงานได้ก็คงทำให้การรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ถ้าจะเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาทเป็นไปได้ แต่ ณ ขณะนี้เพิ่งผ่านไตรมาส 1 มา ก็ขอ maintain ที่ 1.4 หมื่นล้านบาทก่อน หมดไตรมาส 2 ค่อยดูอีกที"นายวรพันธ์ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(backlog)แล้ว 4.8 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เซ็นสัญญาแล้วและยังไม่ได้เซ็นสัญญา ซึ่งงานหลักเป็นงานรถไฟฟ้า 3 สาย ทั้งสายสีม่วง สีเขียวอ่อน สีน้ำเงิน, งานโรงไฟฟ้า SPP 7 โรง และโรงไฟฟ้า IPP 1 โรง ของกลุ่ม Gulf JP , งานโรงไฟฟ้า SPP 1 โรง ของ GLOW เป็นต้น

ขณะที่มีงานที่อยู่ระหว่างรอผลประมูลและเตรียมเข้าประมูลใหม่อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท บริษัทคาดหวังจะได้รับงานในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นงานที่รอผลประมูล 6 หมื่นล้านบาท ได้แก่ งานรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ทั้ง 2 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 มูลค่า 2.6 พันล้านบาท และสัญญาที่ 2 มูลค่า 1.9 พันล้านบาท , งานโรงไฟฟ้า IPP เอกชน 1 โรง , งานโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)2 โรง ที่ อ.จะนะ และ อ.วังน้อย , งานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นต้น

ส่วนงานที่เตรียมเข้ามประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท เช่น งานรถไฟฟ้าสายสีชมพู , รถไฟฟ้ารางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย มูลค่าโครงการ 1.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลช่วงปลายปีนี้ , งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท , งานสร้างศูนย์วัฒนธรรม , งานสร้างโรงพยาบาลราชวิถี รวมทั้งโรงไฟฟ้าต่างๆ

“เรามีงานที่ยื่นประมูลแล้วอยู่ระหว่างรอผล 6 หมื่นล้านบาท และจะเข้าประมูลงานใหม่อีก 7 หมื่นล้านบาท ทั้ง 2 รวมเป็น 1.3 แสนล้านบาท น่าจะได้งานสัก 2-3 หมื่นล้านบาท...งานโรงไฟฟ้าในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าก็จะมีออกมาอีกเรื่อยๆของ EGAT 3 โรง ที่โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าบางปะกง โรงละ 800 เมกะวัตต์ เงินลงทุนโรงละ 800 ล้านบาท ส่วน SPP ปีหน้าก็ไม่น้อยกว่า 8 โรง ที่จะต้องมีการประมูลหาผู้รับเหมา ซึ่งบริษัทก็พร้อมเข้าประมูล"นายวรพันธ์ กล่าว อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกำไร อัตรากำไรขั้นต้นปี 54 คาดว่าอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9.3% เนื่องจากได้เข้ารับงานจากภาครัฐมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิน่าจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 5% จาก 4.7% ในปีก่อน เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นงานโรงไฟฟ้าที่มีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างสูง

นายวรพันธ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/54 คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 3.3 พันล้านบาท กำไร 166 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานที่เข้ามาเพิ่มขึ้น และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 400 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม

บริษัทยังมีปัญหาขาดทุนสะสมทางภาษีอยู่ประมาณ 1 พันล้านบาท กว่า 70% มาจากโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีหน้า จากกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้และปีหน้า

ด้านปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน บริษัทได้มีการขอโควต้าแรงงานต่างชาติจำนวน 2 พันอัตรา ไปยังกระทรวงแรงงานแล้ว ส่วนราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น บริษัทก็ได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากจะมีการซื้อวัตถุดิบต่างๆเก็บไว้ล่วงหน้า อย่างเหล็กเส้นก็จะซื้อล่วงหน้าไว้ใช้ 6 เดือน และโครงการใหญ่ๆก็จะมีการล็อกราคาไว้ล่วงหน้า เช่นกัน

“เป็นห่วงเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งจะกระทบต่อวัตถุดิบทุกชนิด แต่มองว่าถ้าราคาอยู่ที่ 100-120 เหรียญ/บาร์เรล เราก็ยังคงเอาอยู่"นายวรพันธ์ กล่าว


แท็ก (STEC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ