ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหุ้นพลังงานหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 38.45 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 26, 2011 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบสัปดาห์ เพราะตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยลดผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป และรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในเดือนเม.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 38.45 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 12,394.66 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 4.19 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 1,320.47 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 15.22 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 2,761.38 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.7 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นคาโบท์ ออยล์ แอนด์ ก๊าซ คอร์ป พุ่งขึ้น 7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้นบลูชิพกลุ่มพลังงานที่คำนวณในดัชนี S&P 500

ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นเช่นกัน หลังจากราคาโลหะเงิน ทองแดง และโลหะพื้นฐานประเภทอื่นๆพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ปิดบวก 2%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากตลาดร่วงลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงผันผวนเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป โดยล่าสุดรัฐบาลกรีซออกมายอมรับว่า รัฐบาลอาจจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนและเงินบำนาญข้าราชการในเดือนก.ค.ได้ หากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ไม่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของญี่ปุ่นและสหรัฐ โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปีในสหรัฐ ร่วงลงเกินคาด 3.8% ในเดือนเม.ย.

ขณะที่ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นร่วงลง 12.5% สู่ระดับ 5.1557 ล้านล้านเยน (6.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนยอดการนำเข้าเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.9% แตะที่ 5.6194 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้ามูลค่า 4.637 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ร่วงลง 4% หลังจากมีรายงานว่ากระทรวงการคลังสหรัฐขายหุ้นจำนวน 300 ล้านหุ้นใน AIG มูลค่า 29 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ก่อนหน้านี้

หุ้นมาร์ธา สจ๊วต ลิฟวิ่ง ออมนิมิเดีย ทะยานขึ้น 24% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะจ้างแบล็คสโตน กรุ๊ป ให้เป็นบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อว่าจะช่วยให้ยอดขายของมาร์ธา สจ๊วต ลิฟวิ่ง ออมนิมิเดีย ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

หุ้นโปโล ราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 11% หลังจากมีรายงานว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้กำไรของบริษัทร่วงลง 36% และหุ้นคอสท์โค โฮลเซล ปิดลบ 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง (เบื้องต้น) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนเม.ย.และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ