ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กผลประกอบการเอกชนหนุนดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 8.10 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 27, 2011 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน รวมถึงบริษัททิฟฟานี แอนด์ โค ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 8.10 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 12,402.76 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 5.22 จุด หรือ 0.40% แตะที่ 1,325.69 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 21.54 จุด หรือ 0.78% แตะที่ 2,782.92 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนกว่า 2 ต่อ 1

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้สามารถดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยบริษัท ทิฟฟานี แอนด์ โค รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 25% เนื่องจากรายได้ในทุกภูมิภาคปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2554

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นทิฟฟานีปิดพุ่งขึ้น 8.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 และยังช่วยพยุงหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มค้าปลีกดีดตัวชึ้นด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ปที่ปิดพุ่งขึ้น 2% หลังจากนายเดวิด อินฮอร์น ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังของสหรัฐได้ออกมาเรียกร้องให้ไมโครซอฟท์สรรหาซีอีโอคนใหม่แทนนายสตีฟ บอลเมอร์ โดยระบุว่าไมโครซอฟท์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของนายบอลเมอร์นั้น ทำให้ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ปรับฐานลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ประจำไตรมาสแรกปีนี้ โดยระบุว่า จีดีพีที่แท้จริงขยายตัวในอัตรา 1.8% ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.1% และน้อยกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ถึง 3.1% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลลดการใช้จ่าย

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วัน 21 พ.ค. เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 424,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 414,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 400,000 ราย

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปเตือนว่าการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของกรีซและประเทศอื่นๆในยูโรโซน และความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่ว่า กรีซจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หรือไม่ หลังจากรัฐบาลกรีซและพรรคฝ่ายค้านยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องนโยบายลดการขาดดุลงบประมาณ

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนเม.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ