ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเป็นส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อาจจะไม่จัดหาเงินช่วยเหลืองวดใหม่ให้กับกรีซในเดือนหน้านี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้กรีซต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วง 56.85 จุด หรือ 0.79% แตะที่ 7,114.09 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,087.32-7,217.24 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดลบ 11.77 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 3,917.22 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,904.06-3,949.17 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดลบ 0.07% แตะที่ 1,126.28 จุด และดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 277.14 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงทันทีที่นายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานกลุ่มยูโรโซนเตือนว่า ไอเอ็มเอฟอาจจะยังไม่ให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่แก่กรีซมูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากรัฐบาลกรีซและพรรคฝ่ายค้านยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องนโยบายลดการขาดดุลงบประมาณ
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลกรีซได้ออกมายอมรับว่า ทางรัฐบาลอาจจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนและเงินบำนาญข้าราชการในเดือนก.ค.นี้ได้ หากสหภาพยุโรป (อียู) และไอเอ็มเอฟไม่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อแลกกับการใช้มาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปเศรษฐกิจ
หุ้นยูนิเครดิต เอสพีเอ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี ร่วงลง 2.9% หุ้นบังโค เอสปิริโต บังโค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของโปรตุเกส ปิดร่วง 2.3%
หุ้นเบอร์เบอร์รี ปิดร่วง 4.6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2554 อาจปรับตัวลดลง ส่วนหุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป ปิดร่วง 1.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ "neutral" จากระดับ "buy"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ประจำไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง 1.8% ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.1% และน้อยกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ถึง 3.1%