KBS ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 9.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+5.49%)จากราคาขาย IPO ที่ 9.10 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,097.44 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 10.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 10.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุด 9.45 บาท
นอกจากนี้ ยังพบรายการบิ๊กล็อตหุ้น KBS 4 รายการ จำนวน 26 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 236.60 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 9.10 บาท/หุ้น ซึ่งเท่ากับราคาขาย IPO
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น บมจ.น้ำตาลครบุรี(KBS)ไว้ที่ 10.80 บาท/หุ้น อิงบน P/E ที่ 12 เท่าใกล้เคียงกับหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง STA โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานปี 2554 จากปริมาณและราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่จากกำลังการผลิตกลุ่มน้ำตาลที่จำกัด ทำให้บริษัทมีข้อจำกัดด้านการผลิตที่มีอยู่
สำหรับปี 2554 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยที่คาดว่าจะสูงถึง 95 ล้านตันทางฝ่ายประมาณการยอดขาย 5,173 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% เทียบ YoY ภายใต้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% เทียบ YoY และจากราคาขายที่เพิ่มขึน ประกอบกับปริมาณอ้อยที่มากส่งผลให้อัตรากำไรยังเพิ่มขึ้นเทียบ YoY ประมาณการกำไรสุทธิ 453 ล้านบาทเพิ่มขึ้น YoY
KBS เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายครบวงจร และมีโรงงานตั้งอยู่ในอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันบริษัทเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลเป็นอันดับ9 ในประเทศไทยด้วยกำลังการผลิต 21,000 ตันอ้อยต่อวัน ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายประกอบด้วยน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar), น้ำตาลทรายขาว (White Sugar), น้ำตาลทรายสีรำ(Brown Sugar) และน้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) จัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทในสัดส่วน 30:70
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2553 ที่ผ่านมา KBS กำไรสุทธิ 168 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15% เทียบ YoY เนื่องจากปริมาณการขายน้ำตาลที่มากขึ้น 29% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16% รวมถึงปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 57% ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 48% เทียบ YoY อยู่ที่ 4,683 ล้านบาท ยอดขายที่เพิ่มขึ้นภายใต้ต้นทุนการผลิตที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเป็น16% จาก 13.8% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายลดลง