RAIMON ตั้งเป้า 5 ปี พัฒนาปีละ 1-2 โครงการใหม่ทั้งใน กทม.-พัทยา

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 30, 2011 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอูแบร์ วิริออท กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. ไรมอน แลนด์ (RAIMON) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของบริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการ 1-2โครงการต่อปี ทั้งในกรุงเทพฯ และหรือพัทยา โดยจะขยายฐานรายได้ของบริษัทด้วยการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าในตลาดระดับบนและระดับสูง ประกอบกับการนำเสนอโครงการใหม่ที่จะสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่ให้บริการหรือส่งเสริมโครงการของบริษัทด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้น ซึ่งในแต่ละปีควรจะมีโครงการต่าง ๆ อยู่ในแต่ละช่วงเวลาอย่างน้อย1 โครงการ เช่น อยู่ขั้นตอนการวางแผน, อยู่ระหว่างการเปิดตัว, อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอยู่ระหว่างการส่งมอบ

ทั้งนี้ บริษัทจะคงความโดดเด่นทางด้านคุณภาพและเอกลักษณ์ไว้ พร้อมทั้งทยอยพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการผสมผสานและส่งเสริมรวมถึงให้บริการกับโครงการต่าง ๆ ของบริษัท โดยโครงการ Vue และ The River Promenade นั้น ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น จุดมุ่งหมายหลักคือการสร้างให้บริษัทเจริญเติบโตอย่างมั่นคง มีรายได้ที่สม่ำเสมอในอีก2-3 ปีข้างหน้า พื่อการสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น และบริษัทพัฒนาไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายที่ยังไม่รับรู้รายได้(Backlog)ณ สิ้นเดือน พ.ค.54 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.49 หมื่นล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการเดอะริเวอร์ในกรุงเทพฯ จำนวน 1.03 หมื่นล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 73 ของมูลค่าโครงการ) ซึ่งภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่นั้น มูลค่า Backlog นี้จะรับรู้เมื่อมีการโอนห้องชุด โดยโครงการเดอะริเวอร์จะสามารถโอนให้กับลูกค้าได้ในปี 55

ส่วนโครงการ 185 ราชดำริในกรุงเทพฯ ณ สิ้นเดือนมีนาคมมียอดขาย (ทำสัญญาแล้ว) กว่าร้อยละ 35 ของพื้นที่ขายทั้งหมดของโครงการ ส่วนโครงการนอร์ทพ้อยท์ในพัทยา มียอดขายร้อยละ 75 ณ สิ้นสุดไตรมาส 1/54 และโครงการใหม่ ซายร์ วงศ์อมาตย์ มียอดขายร้อยละ 22

"การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานทางบัญชีส่งผลต่องบการเงินของบริษัทในปี 54 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ประกอบกับปัจจุบัน สถานะทางการเงินของบริษัทมีความเข้มแข็งมากกว่าหลายปีก่อน โดยจะเห็นได้จากในปัจจุบัน บริษัทมี Backlog เกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งความแข็งแกร่งนี้เองจะช่วยหนุนให้บริษัทสามารถทำกำไรในปี 55 และปีต่อ ๆ ไปได้เป็นอย่างดี" นายอูแบร์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ