นางสาวปาหนัน โตสุวรรณถาวร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะได้รับเลือกให้เข้ารับงานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ที่ได้ยื่นประมูลไปแล้ว เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการก่อสร้างและงานบริหารทางด่วน และยังมีความแข็งแกร่งด้านการเงินที่ได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลการประมูลในอีก 3-5 เดือน
"จะส่งผลต่อรายได้และกำไรของบริษัทในอนาคต และหากได้รับงาน บริษัทจะหาเงินลงทุนจากการกู้เงินสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากยังมีความสามารถการกู้เงิน เนื่องจากยังมี D/E ต่ำที่ 1.08 เท่า"นางสาวปาหนัน กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/54 ยอมรับว่า รายได้และกำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 1/54 เนื่องจากการปรับส่วนแบ่งรายได้ระหว่างบริษัทกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จาก 50 ต่อ 50 เป็น 40 ต่อ 60 ตามสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 รวมถึงไม่มีการบันทึกรายได้จากการขายที่ดิน และเงินปันผลของ บมจ.น้ำประปาไทย(TTW)ที่มีการบันทึกรายได้แล้วในไตรมาส 1/54 นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่มีวันหยุดมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 54 เชื่อว่ารายได้จะลดลงประมาณ 7% จากปี 53
"ตอนนี้ปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอม และการที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้รถบนทางด่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับเรา ส่วนจะปรับค่าทางด่วนหรือไม่ยังไม่น่ามีประเด็น เพราะต้องขึ้นอยู่กับเงินเฟ้อเป็นส่วนประกอบ ซึ่งตามแผนจะมีการปรับอีกครั้งในปี 56"นางสาวปาหนัน กล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีนโยบายขายหุ้น TTW ออกอีก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่สูงถึง 7% สูงกว่าต้นทุนที่กู้เงินมาลงทุนที่อยู่ 4%