นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW)กล่าวว่า ปี 54 รายได้คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 12% จากปี 53 ที่มีรายได้ 4.6 พันล้านบาท ส่วนกำไรคาดว่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยจะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 908 ล้านบาท แม้ปริมาณการขายน้ำในปีนี้จะลดลงเหลือเติบโตไม่ต่ำกว่า 12% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 16% หรือเท่ากับ 286 ล้าน ลบ.ม. หลังช่วงไตรมาส 1/54 มีหลายโครงการที่เลื่อนออกไป เช่น โครงการของกลุ่มดาว เคมิคอล และ โรงกรองน้ำของการประปา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดขายน้ำในช่วงไตรมาส 2/54 จะกลับมาสู่ภาวะปกติ และจะสูงกว่าไตรมาส 1/54 หลังโครงการลงทุนต่างๆ กลับมาเดินหน้าตามปกติ
นอกจากนั้น บริษัทจะมีการคิดค่าปรับสำหรับลูกค้าที่มีการใช้น้ำไม่สม่ำเสมอ โดยใช้น้ำไม่ถึง 50% ของปริมาณที่ได้มีการแจ้งมากับบริษัทนั้น บริษัทจะมีการคิดค่าปรับ 2 เท่าจากราคาขายเฉลี่ยที่ 9.25 บาท/ลบ.ม. ซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบในเดือนมิ.ย. นี้ และจะเริ่มปรับตั้งแต่เดือนก.ค. เป็นต้นไป ทั้งนี้สัดส่วนลูกค้าที่มีการใช้น้ำไม่สม่ำเสมอคิดเป็น 10-20% ของลูกค้ารวมทั้งหมด
พร้อมทั้งอยู่ในระหว่างศึกษาการปรับขึ้นราคาขายน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงปลายปี ถ้าหากโครงการวางท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุด เส้นที่ 3 ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI
นายเจริญสุข กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในธุรกิจบำบัดน้ำเสียและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่า 51% ขึ้นไป
และบริษัทจะมีการเข้าไปศึกษาการลงทุนในธุรกิจจำหน่ายน้ำกรองในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต ในช่วงปลายปีนี้ หลังมองเห็นว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 ปี คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 4 พันล้านบาท โดยจะใช้ในการวางท่อเป็นหลัก
“เราจะเข้าไปขายน้ำ ซึ่งเราจะเพิ่ม value โดยจะมีการกรองน้ำให้สะอาด แต่ไม่ได้ใส่คลอรีน ก็คงเริ่มศึกษาปลายปีนี้ ส่วนสุดท้ายจะตอบว่าจะลงทุนได้เมื่อไหร่หรือจะลงทุนได้หรือไม่ คิดว่าเป็นอีก 1-2 ปี"นายเจริญสุข กล่าว