นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ลานนา รีซอร์สเซส(LANNA) คาดว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 54 จะเข้าซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียสำเร็จได้ประมาณ 2-3 ดีล จากขณะนี้ที่ติดต่อเจรจาอยู่ 8 ราย โดยประเมินว่าดีลที่ใหญ่ที่สุดจะมีขนาด 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ดีลแรกที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายไตรมาส 2/54 หรืออาจจะล่าช้ากว่านั้นเล็กน้อย โดยเป็นดีลขนาดเล็กประมาณ 10 -20 ล้านเหรียญสหรัฐ
"ของแพงเราไม่ซื้อ เราคิดว่าซื้อขายตันละไม่เกิน 2 เหรียญ...เหมืองที่เราดูอยู่เป็นเหมือนคุณภาพกลางๆ ถึงล่าง ปริมาณสำรอง 10 ล้านตันขึ้นไป"นายสีหศักดิ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/54 นายสีหศักดิ์ คาดว่า รายได้และกำไรน่าจะทำได้ดีใกล้เคียงกับไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 2.7 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าที่มีราคาระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเชื่อว่าแนวโน้มราคาถ่านหินจะยังดีต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีสัญญาล่วงหน้าเกินกว่า 60% ส่วนที่เหลือขายตามราคา spot ซึ่งจุดนี้จะเป็นตัวแปร
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/54 บริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น บมจ.ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ (TAE) ให้กับบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) 40% ในงบเฉพาะกิจการประมาณ 90 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาคิดตามต้นทุน ขณะที่งบรวมคาดว่าจะบันทึกกำไรสูงสุดประมาณ 40 ล้านบาท
"ไตรมาส 2 มั่นใจว่าจะได้ดีเท่ากับไตรมาสแรก แต่ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 จะมีตัวแปรราคา spot เข้ามาเยอะขึ้น"นายสีหศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 54 ราคาขายถ่านหินเฉลี่ย 75-80 เหรียญ/ตัน สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ไม่ถึง 60 เหรียญ/ตัน และปริมาณการผลิตและขายในปีนี้อยู่ที่ 4 ล้านตัน จากปีก่อนมีจำนวน 3.4 ล้านตัน และคาดว่าปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5 ล้านตันตามเป้าหมายของบริษัท