ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) คาดว่าในวันพรุ่งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเปิดเผยผลการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 27 พ.ค.54 ตามที่บริษัทได้ร้องขอไป
หลังจากนั้น บริษัทจะตรวจสอบว่าผู้ถือหุ้นทั้ง 75 ราย ที่อ้างว่าถือหุ้นรวมกันกว่า 10% และส่งหนังสือเรียกร้องขอให้บริษัทเปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนั้น เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้น TTA จริงหรือไม่ หากเป็นจริงก็คาดว่าจะมีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าว และถ้ายังยืนยันที่จะขอให้เปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและเสนอวาระการประชุม บริษัทก็จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายอมรับว่าฝ่ายบริหารมีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นน้อยมาก แต่ยืนยันว่าการบริหารงานของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งมีการร่วมกันวางแผนและนำเสนอคณะกรรมการอย่างตรงไปตรงมา อาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นไม่เข้าใจกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งคาดว่าตั้งแต่งวดปี 55 บริษัทจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนช่วง 5 ปีที่ผ่านมารวม 2.2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะธูรกิจถ่านหิน และธุรกิจขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
"เราอาจจะพูดน้อยไปในอดีต เพราะเราเร่งทำโน่นทำนี่ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในเชิงกลยุทธ์ที่เราวางไว้ เรายังมั่นใจไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งในสายตาของบางคนหรือหลายๆคนอาจเห็นรายได้กำไรมาไม่เร็วเท่าที่ควร ซึ่งเราพยามยามเลือกลงทุนสร้างผลตอบแทนที่สูงพอสมควร"ม.ล.จันทรจุฑา กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ TTA กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น(ROE) มาอยู่ที่ 15-20% ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อัตราไม่ถึง 1% จากการเติบโตอย่างมากของธุรกิจถ่านหินที่ได้เข้าลงทุนผ่าน บมจ.ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) และธุรกิจเรือขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผ่านบริษัท เมอร์เมด มารีนไทม์ (MML) ซึ่งทั้งสองกลุ่มอยู่ในกลุ่มธุรกิจพลังงานที่บริษัทมองว่ามีอัตราเติบโตสูงในอนาคต
ขณะที่ธุรกิจเดินเรือยังจะไม่กลับมาดีอย่างน้อยในอีก 12-24 เดือน เพราะซัพพลายเรือใหม่ยังเข้ามาต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความต้องการด้านขนส่งมาก และในที่สุดสัดส่วนรายได้ธุรกิจเดินเรือจะลดลงเหลือ 1 ใน 4 ของรายได้รวมของบริษัท จากที่อยู่ในระดับ 1 ใน 3 ของรายได้รวม
ทั้งนี้ มีสัญญาณที่ดีในธุรกิจเหมืองถ่านหินจากการที่ญี่ปุ่นจะนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น และได้นำถ่านหินในเหมืองที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งบริษัทลงทุนไปทดสอบหากผ่านก็อาจจะมีออร์เดอร์เข้ามา คาดว่าปลายปีนี้จะมีกำลังการผลิตเป็น 2 หมื่นตัน/เดือน จากเม.ย.54 ผลิตและขาย 1 หมื่นตัน/เดือน และยังหาโอกาสลงทุนเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าในช่วง 1-2 ปีนี้จะมีกำลังการผลิตถ่านหินในฟิลิปปินส์ปีละ 1 ล้านตัน
อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่พอใจผลประกอบการของ UMS เพราะปัจจุบันมีสต็อกถ่านหินอยู่มากพอสมควร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งระบายออกให้มากที่สุดประมาณ 6 หมื่นตัน เพื่อกลับมาเป็นเงินสด ขณะที่ MML ธุรกิจเริ่มดีขึ้น โดยได้ล็อกรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท หรือ 100 ล้านเหรียญ ใน 18 เดือนข้างหน้า
ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวยอมรับว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้น TTA ไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แม้กลุ่มของตนเองถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 0.5% หรือกว่า 3 ล้านหุ้นเท่านั้น เพราะที่ผ่านมามุ่งแต่บริหารธุรกิจ แต่หากจะมีกลุ่มหรือรายใดจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TTA ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเห็นว่าการบริหารหรือการขอนุมัติเรื่องต่างๆจะง่ายขึ้น