นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญา เพื่อรับงานดำเนินการปรับปรุงระบบจำหน่ายเป็นเคเบิลใต้ดิน บริเวณถนนเพชรเกษม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในโครงการ “หาดใหญ่นครไร้สายระยะที่ 2" กับเทศบาลนครหาดใหญ่และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 2 สัญญา รวมมูลค่า 216.50 ล้านบาท
“ตั้งแต่ต้นปี 2554 ที่ผ่านมา ต้องเรียกว่า เป็นจังหวะที่ดีของ DEMCO เนื่องจากเราได้รับความไว้วางใจให้ได้รับงานเพิ่มมาโดยตลอด ทำให้มั่นใจว่า ในปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถทำผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะเป้าหมายรายได้ซึ่งตั้งไว้ที่ 5 พันล้านบาทได้อย่างแน่นอน โดยปัจจุบัน DEMCO มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 54 มีรายได้รวม 706.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247.73 ล้านบาท คิดเป็น 53.95% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯมีรายได้รวม 459.14 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 27.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.86 ล้านบาท หรือ 65.38%
ทั้งนี้ กว่า 84% ของรายได้รวมมาจากงานรับเหมาโครงการ ส่วนอีก 16% มาจากงานขายและบริการ ซึ่งการที่รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้มีการเติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทฯได้รับรู้รายได้ที่เลื่อนการรับรู้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 53 จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขณะที่งานในมือกว่า 6.1 พันล้านบาทนั้น บริษัทฯ จะทยอยรับรู้ในปี 54-55
กรรมการผู้จัดการ DEMCO กล่าวด้วยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการโครงการพลังงานลมห้วยบง 2 และ 3 ซึ่งมีกำลังการผลิตขนาด 180 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1.25 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการลงทุนทางอ้อมผ่านบริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด (AEOLUS POWER)ซึ่ง DEMCO จะเข้าถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 27% มูลค่าเงินลงทุน 1.3 พันล้านบาท ส่วนบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้น 73% รวมเป็นเงินลงทุนในบริษัท อีโอลาส จำกัด 2,250 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในเดือนก.ค.
“แนวโน้มรายได้ของบริษัทฯ ในช่วงต่อจากนี้ไป จะมาจากธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงการพลังงานทดแทนมากขึ้น ทั้งจากโครงการที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างในลักษณะ EPC : Engineering Procurement Construction และโครงการที่บริษัทร่วมลงทุน โดยเป้าหมายรายได้ในปีนี้ยังคงอยู่ที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 3/54 และไตรมาส 4/54 บริษัทจะมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากไตรมาส 1/54 และไตรมาส 2/54 ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ระดับใกล้เคียงที่ 706 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลมจำนวน 2,100-2,200 ล้านบาท และจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากงานภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้นเป็น 75% ในสิ้นปี 54 จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% และยังทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3-4%
อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการพลังงามลมมากขึ้น แต่ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หรือเติบโต 100% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,500 ล้านบาท และเชื่อว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้
ปัจจุบัน บริษัทยื่นเสนอราคาประมูลงานใหม่ มูลค่ารวม 3,894 ล้านบาท ยังไม่รวม backlog ที่มีอยู่ 6,168.88 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 3,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้รายได้ในปี 55
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มทุนในปี 54 โดยเงินที่ระดมได้ส่วนหนึ่งเพื่อนำมาชำระคืนเงินลงทุนในโครงการพลังงานลมที่บริษัทเข้าถือหุ้น 27% เป็นเงิน 1,300 ล้านบาท