นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ. ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาทในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าสำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.ไปยังต่างประเทศ โดยเน้นในอาเซียน เนื่องจากบริษัทต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผู้ให้บริการน้ำมันในภูมิภาคนี้ หลังจากประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำตลาดในประเทศแล้ว
ทั้งนี้ ปตท.ตั้งเป้าจะมีสถานีบริการน้ำมันที่ลงทุนเองประมาณ 100 แห่งใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบัน ดีลเลอร์ปั๊มน้ำมัน ปตท.ลงทุนในฟิลิปปินส์ 46 แห่ง ในลาว 30 แห่ง ในกัมพูชา 6 แห่ง ขณะที่ ปตท.จะเริ่มลงทุนในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนจะเน้นสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจร ซึ่งมีการลงทุนธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันรวมอยู่ด้วย เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท เพราะในอนาคตประเมินว่าธุรกิจน้ำมันอาจจะเข้าสู่จุดอิ่มตัว และการใช้น้ำมันจะปรับลดลง เพราะเทคโนโลยีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีการปรับการใช้น้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายสรัญ กล่าวว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 20-30% นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกจะมาจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันมากกว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับน้ำมัน
เนื่องจากมาตรการการตรึงราคาน้ำมัน และการชดเชยราคาไม่ได้สอดคล้องราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าการตลาดต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมที่ควรอยู่ในระดับ 1.50 บาท/ลิตร โดยปัจจุบันค่าการตลาดดีเซล อยู่ที่ 0.60 บาท/ลิตร และ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน อยู่ที่ 1.20-1.30 บาท/ลิตร และปตท.ยังมีภาระการันตีค่าการตลาดให้ดีลเลอร์ที่ 0.78 บาท/ลิตร ทำให้ที่ผ่านมา ปตท.ต้องแบกรับภาระค่าการตลาดที่ติดลบไปแล้ว 1.4 พันล้านบาท และอาจจะสูงไปถึง 2 พันล้านบาทหากรัฐบาลยังไม่ยกเลิกมาตรการตรีงราคาดีเซล
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้นต่อเนื่อง ทางปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากมีการปรับเพิ่มน่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้ประมาณ 0.40-0.50 บาท/ลิตรสำหรับกลุ่มเบนซิน