นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แผนและกลยุทธ์องค์กร บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อขยายกำลังการผลิต (Enhance) โรงแยกก๊าซธรรมชาติ แห่งที่ 6 ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-10% ของกำลังการผลิต คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงแยกก๊าซฯ 6 มีความสามารถในการแยกก๊าซฯ ประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ก็จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 40-80 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซฯ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (เอ็นจีวี) และการใช้ก๊าซฯ ในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับ ยังมีปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่สามารถเรียกเพิ่มขึ้นมาใช้ได้
ก๊าซฯ ที่เป็นผลผลิตของโรงแยกก๊าซฯ 6 เป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ส่วนที่ผลิตได้เพิ่มจะขายในตลาดในประเทศ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตแอลพีจีในโรงแยกก๊าซฯ 6 ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการขายให้กับโรงงานปิโตรเคมีเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อรองราคาขายแอลพีจีให้ได้มากขึ้นกว่าราคาเพดานหน้าโรงแยกก๊าซฯ ปัจจุบันที่ถูกคุมราคาขายไว้ที่ 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือในหลักการในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งเห็นว่าราคาควรเป็นราคาต้นทุน (Cost Plus) ซึ่งทางสำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สนพ.) ได้มีการศึกษาต้นทุนโรงแยกก๊าซฯ แล้วพบว่า ราคาต้นทุนจะอยู่ที่ 400-450 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดังนั้น จึงควรเพิ่มราคาขายก๊าซฯ ให้มากกว่าราคาที่คุมไว้ในปัจจุบัน
นางศรีวรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีแผนจะเลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงประจำปีของโรงแยกก๊าซฯ 6 จากครึ่งปีหลังปีนี้ไปเป็นปีหน้าแทน เพราะความต้องการใช้ก๊าซฯ ในประเทศยังมีสูง หลังจากที่โรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 6 เริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ม.ค.54 ที่ผ่านมา