ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดตลาดร่วงลงเช้านี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่อ่อนตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี รวมทั้งอัตราการจ้างงานที่ปรับตัวขึ้นต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,560.63 จุด ลดลง 158.98 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,280.05 จุด ลดลง 346.38 จุด ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนอ่อนตัว 1.03% แตะ 2,715.32 จุด สำหรับดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,981.71 จุด ลดลง 80.64 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,098.37 จุด ลดลง 42.97 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,551.93 จุด ลดลง 4.49 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,687.00 จุด ลดลง 20.30 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,144.27 จุด ลดลง 28.60 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วง 1.5% แตะ 134.73 จุด เมื่อเวลา 10.12 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ร่วง 2.7% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ส่วนหุ้นแคนนอน ร่วง 1.4% ในตลาดหุ้นโตเกียว หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ และฮอนด้า มอเตอร์ ตกลงหลังจากที่ยอดขายรถในสหรัฐร่วง หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วง 1.8% หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบและโลหะที่มีการซื้อขายล่วงหน้าอ่อนตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเช่นนี้อาจทำให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในคืนวันพฤหัสบดี และการประชุมโอเปคครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 2.35% ปิดที่ 100.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.ขยายตัวที่ระดับ 53.5 จุด ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัวได้ดีถึง 60.4 จุด และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 57.7 จุด
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีภาคการผลิตขยายตัวติดต่อกันเป็นเวลา 22 เดือน แต่ถือเป็นสถิติครั้งแรกในรอบปีนี้ที่ดัชนีภาคการผลิตขยายตัวต่ำกว่าระดับ 60 จุด นอกจากนี้ การที่ดัชนีขยายตัวช้าลงในเดือนพ.ค. สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่ซบเซาในภาคการผลิต เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลให้อุปสงค์ในส่วนของผู้บริโภคและภาคเอกชนลดน้อยลงด้วย
นอกจากนี้ ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 และเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง
รายงานของ ADP ระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 27,000 ตำแหน่ง และ 30,000 ตำแหน่งตามลำดับ แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ลดการจ้างงานลง 19,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.