นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เตรียมพิจารณากู้เงินราว 6 พันล้านบาทในช่วงปลายปีนี้ เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการโซล่าร์ฟาร์มเฟส 2 และชำระหนี้ระยะสั้น พร้อมทั้งพิจารณาแผนออกหุ้นกู้จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท หากบริษัท ทริส เรทติ้ง ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อของบริษัทขึ้นไปที่ A จากปัจจุบันอยู่ที่ A- ในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าไตรมาส 2/54 รายได้และ EBITDA จะดีกว่าไตรมาส 1/54 เนื่องจากมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนบาร์เรล/วัน และคาดว่าในปีนี้ EBITDA จะอยู่ที่ราว 5.7 พันล้านบาท และค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 5.5-6.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายวิเชียร อุษนาโชติ รองกรรมการผูจัดการใหญ่สายงานด้านธุรกิจโรงกลั่น BCP กล่าวว่า บริษัทคาดว่า EBITDA ในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5 พันล้านบาท แต่จะเพิ่มขึ้นตามกำลังการกลั่นเฉลี่ยทั้งปีที่เพิ่มขึ้นเป็น 9.2 หมื่นบาร์เรล/วัน แม้ว่าช่วงไตรมาส 1/54 กำลังการกลั่นจะอยู่ที่ 6.3 หมื่นบาร์เรล/วัน หลังจากมีการปิดซ่อมจากเหตุเพลิงไหม้และซ่อมบำรุง
แต่ตั้งแต่ไตรมาส 2/54 คาดว่ากำลังการกลั่นเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นจากไตรมาส 1/54 เนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ค่าการกลั่นอยู่ที่ 5-6 ดอลลาร์/บาร์เรล
"ทั้งปีคาดค่าการกลั่นจะอยู่ที่ 5.5-6.5 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันส่งออกตอนนี้เชื่อว่าจะไม่ต่ำกว่า 85-90 เหรียญ/บาร์เรล เป้าหมาย EBITDA ที่ 5.7 พันล้านบาทน่าจะทำได้ไม่มีปัญหา"นายวิเชียร กล่าว
ส่วนการลงทุนธุรกิจอื่น ๆ นั้น หลังจากได้เข้าลงทุนในบริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัดแล้ว บริษัทก็อยู่ระหว่างการรอดูผลประกอบการและประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมพร้อมทางการเงินเพื่อใส่เงินลงทุนเพิ่มในบริษัทดังกล่าว
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจอื่นก็ยังมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และยังสนใจธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจโรงกลั่น และยังให้ความสนใจในธุรกิจพลังงานทดแทน และอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนเพิ่มในธุรกิจเหมืองโปแตชที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 16% หากมีการพิจารณาการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม