ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหลังจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของสายการบินทั่วโลกในปีนี้ และหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงหลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเสนอให้มีการเพิ่มเพดานกันสำรองเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 61.30 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 12,089.96 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 13.99 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 1,286.17 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 30.22 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 2,702.56 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.6 พันล้านหุ้น มีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าคาดการณ์ ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนพ.ค.ขยับขึ้นสู่ระดับ 9.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง
มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะมีการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือหรืออาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ หากสหรัฐไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยปัจจุบันมูดีส์ให้อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ระดับ Aaa
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงประมาณ 2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะตัดสินใจปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพุธนี้
ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงมากกว่า 2% โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลงกว่า 4% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 2.5% หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายคนหนึ่งของเฟดระบุว่า เฟดอาจจะเสนอให้มีการเพิ่มเพดานกันสำรองเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ เพื่อชดเชยการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
ทั้งนี้ หากข้อเสนอดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการปล่อยของกู้ของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐลดน้อยลงและจะฉุดผลประกอบการของธนาคารให้อ่อนแอลงด้วย
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 3% และหุ้นเออาร์เอ็ม คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลงกว่า 3% หลังจาก IATA ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของอุตสาหกรรมสายการบินทั่วโลกลง 54% ในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ และแผ่นดินไหวที่รุนแรงในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ IATA คาดว่า ความต้องการเดินทางด้วยเครื่องบินของผู้โดยสารทั่วโลกจะขยายตัว 4.4% ในปีนี้ ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมี.ค.ว่า จะขยายตัว 5.6% และคาดว่าความต้องการในการใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศขยายตัว 5.5% ในปีนี้ ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขยายตัว 6.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค.