ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งปัญหาหนี้สาธารณะในหลายประเทศของยุโรปรวมถึงกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นบลูชิพในตลาดยุโรปปรับตัวลง 0.08% ปิดที่ 1,104.05 จุด และดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 271.87 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 5
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดีดขึ้น 18.68 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 7,103.25 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสขยับขึ้น 8.52 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 3,871.92 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย.ก็ตาม
สมาคมผู้ค้าปลีกอังกฤษ (BRC) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของอังกฤษร่วงลง 2.1% สวนทางกับเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 5.2% เนื่องจากผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแรงงานและรายได้
ทั้งนี้ การร่วงลงของยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของอังกฤษได้ฉุดหุ้นเทสโก และหุ้นโฮมรีเทล กรุ๊ป ปิดร่วงลง 1.3% และ 1.6% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน โดยหุ้นริโอทินโตปิดบวก 1.2% และหุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 1.1%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งนี้หรืออาจจะเป็นการประชุมในครั้งหน้า หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง