ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 21.87 จุดหลังเฟดระบุศก.สหรัฐอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 9, 2011 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ทำสถิติปิดในแดนลบติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Beige Book ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 7 ภูมิภาค จากทั้งหมด 12 ภูมิภาค ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวันก่อนว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตัดสินใจคงโควต้าการผลิตในการประชุมเมื่อช่วงค่ำวานนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 21.87 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 12,048.94 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 5.38 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 1,279.56 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 26.18 จุด หรือ 0.97% แตะที่ 2,675.38 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.1 พันล้านดอลลาร์ มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงซบเซาเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้รายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 สาขาระบุว่า เศรษฐกิจใน 7 ภูมิภาคชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย แอตแลนต้า และชิคาโก เนื่องจากภาคการผลิตซบเซาลง อันเป็นผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานในภาคการผลิตที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ผู้บริโภคในหลายภูมิภาคของสหรัฐยังคงลดการใช้จ่ายเนื่องจากขาดความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงานและทิศทางของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในหลายภูมิภาคยังคงอ่อนแอ หลังจากจำนวนบ้านที่ถูกธนาคารยึดปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดแรงงานยังคงซบเซาเนื่องจากอัตราว่างงานที่ยืนอยู่เหนือระดับ 9% และจำนวนคนว่างงานที่ไม่มีงานทำติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 27 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 361,000 คน สู่ระดับ 6.2 ล้านคน ณ สิ้นเดือนพ.ค.

รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดถือเป็นการตอกย้ำมุมมองของเบอร์นันเก้ที่เปิดเผยในที่ประชุมการธนาคารในเมืองแอตแลนต้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาคการผลิตซบเซาลงและผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.2% ในปี 2554 ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ราว 0.1% เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและอาหารจะขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจและสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศยากจน อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในปี 2555

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน NYMEX ทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับที่ประชุมโอเปคตัดสินใจคงโควต้าการผลิตน้ำมันเอาไว้ที่ 24.845 บาร์เรล/วันในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากซาอุดิอาระเบียไม่สามารถโน้มน้าวสมาชิกประเทศอื่นๆของโอเปคให้ปรับเพิ่มโควต้าการผลิตได้ โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล คอร์ป ปิดบวก 1% ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วยเช่นกัน

หุ้นอาเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐปิดร่วงลงกว่า 5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2 ขณะที่หุ้นฮอฟนาเนียน เอนเตอร์ไพรซ์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ปิดร่วงลงเกือบ 12% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยเกินคาด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ