นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง และ สคร. เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาลดการถือหุ้นในรัฐวิสาหก้จ 4 แห่ง ได้แก่ บมจ.การบินไทย (THAI) ที่ถือ 51.03% บมจ.อสมท.(MCOT) ถือ 65.80% บมจ.ปตท(PTT) ถือ 51.24% และ ธ.กรุงไทย (KTB) ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถืออยู่ 55.15%
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติครม.ที่ให้กรทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจ และให้สอดค้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยด้วย
นายสมชาย กล่าวว่า การลดสัดส่วนหุ้นลงเพื่อให้รัฐวิสาหกิจเกิดความคล่องตัวในการบริหารองค์กร ขณะเดียวกันรัฐวิสาหกิจต้องมีความพร้อมที่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการบินไทยได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการลดส้ดส่วนการถือหุ้นก่อนหน้านี้ โดยการบินไทยจะต้องมีความพร้อม ทั้งเรื่องพนักงาน เทคโนโลยี เพราะธุรกิจการบินมีการแข่งขันสูง
"ต้องดูว่ามีหุ้นตัวใดที่คลังถืออยู่มากกว่าที่ครม.กำหนด เพราะอาจจะมีการนำออกขายในตลาด เพื่อกระตุ้นให้ตลาดคึกคัก เช่นการบินไทย"ผู้อำนวยการ สคร. กล่าว
สำหรับรายได้ที่ได้จากการขายหุ้นที่กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือลงนั้น สคร.มีแผนจะเสนอให้นำเงินไปซื้อหลักทรัพย์อื่นเพื่อมาบริหารต่อ หรือหากมีรายได้ส่วนเกิน ก็ให้นำส่งรายได้เข้าคลัง
ขณะที่รัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหาขาดทุน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท ) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) องค์การคลังสินค้า(อคส.) องค์การสะพานปลานั้น ปลัดกระทรวงการคลังได้วางนโยบายแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งสคร.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในรัฐวิสาหกิจนั้นๆ ขณะเดียวกันต้องการให้รัฐบาลใหม่มีการพิจาณรา พ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจ จากก่อนหน้านี้ครม.ตีกลับ เพราะเห็นว่าจะเป็นกฏหมายที่สามารถเข้าบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจได้คล่องตัว