นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/54 จะดีกว่าไตรมาส 1/54 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากงานวางโครงข่าย 3G ของบมจ.ทีโอที ที่จะเริ่มเข้ามาในไตรมาส 2/54 ประมาณ 2 พันล้านบาท และทั้งปีนี้จะรับรู้ฯทั้งหมดประมาณ 7.5 พันล้านบาท จากมูลค่าโครงการที่เป็นส่วนของบริษัทราว 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้จากโครงการวางโครงข่าย 3G ของทีโอที จะเป็นปัจจัยหนุนให้รายได้ของบริษัทปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ 2.7-2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าในการติดตั้งโครงข่าย 3G ปัจจุบันบริษัทได้เริ่มทยอยนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆแล้ว คาดว่าในช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย. จะติดตั้งสถานีฐานในกรุงเทพแล้วเสร็จ 500 สถานี เพิ่มจากที่มีอยู่แล้ว 500 สถานี รวมเป็น 1,000 สถานีฐาน
"การเซ็นสัญญา(งานโครงข่าย 3G)ล่าช้าออกไป แต่เราก็ทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อเซ็นสัญญาแล้ว ทางโนเกียและหัวเว่ยก็เริ่มนำเข้าอุปกรณ์ทันที คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"นายวัฒน์ชัย กล่าว
นอกจากนั้น กลุ่มสามารถฯ ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าใช้บริการ 3G (MVNO) เป็น 5 แสนรายในสิ้นปีนี้ จากที่มีจำนวน 2 แสนราย โดยมีรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือน(ARPU)ประมาณ 200-300 บาท
พร้อมทั้ง ตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์มือถือทั้งในและต่างประเทศ รวม 4 ล้านเครื่องในปีนี้ โดยจะนำเข้าโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชั่นหลากหลาย และรายได้ในระยะต่อไปจะไม่พึ่งพิงกับการขายโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียว แต่จะมีรายได้และกำไรจากธุรกิจคอนเท้นท์ แอพพลิเคชั่น และ MVNO
นายวัฒน์ชัย คาดว่า รายได้รวมของกลุ่ม SAMART ในปีนี้จะมาจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือ สัดส่วน 70-80% แต่ในส่วนกำไรจะมาจากการให้บริการคอนเท้นท์ สัดส่วน 60-70%