ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 75.42 จุดหลังยอดส่งออกสหรัฐแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 10, 2011 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดบวกครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ของสหรัฐลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย หลังจากยอดส่งออกทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 75.42 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 12,124.36 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.44 จุด หรือ 0.7% แตะที่ 1,289.00 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9.49 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 2,684.87 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐได้ฉุดตลาดร่วงลงติดต่อกันหลายวันที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ร่วงลง 6.7% สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2553 เพราะได้แรงหนุนจากยอดส่งออกเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 1.3% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.756 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 0.4% สู่ระดับ 2.192 แสนล้านดอลลาร์

ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และสามารถชดเชยรายงานในด้านลบจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย.เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 427,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 415,000 ราย

เบน พี วิลลิส ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ฟลอร์ ออเพอเรชันส์ ออฟ ซันไรซ์ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "นักลงทุนขานรับข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอย่างมาก และข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่หนุนบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้น"

ขณะที่แซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์ด้านวิจัยหลักทรัพย์ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า ตลาดปรับฐานลงอย่างรุนแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ภาวะการซื้อขายเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นบวก

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในระหว่างวันได้รับแรงกดดันจากความวิตกเรื่องเงินเฟ้อ หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนจะยังคงสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 4.472 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 13.8% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 บ่งชี้ว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ดีในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ