ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มิ.ย.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงเป็นเวลา 7 วันในรอบ 8 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและสหรัฐ
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.3% สู่ระดับ 268.13 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 89.76 จุด ปิดที่ 7069.90 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 73.56 จุด ปิดที่ 3805.09 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อวันศุกร์ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า ภาคการผลิตหดตัวลง 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขยับลงเพียง 0.1%
รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ภาคการผลิตของอังกฤษหดตัวมากเกินคาดในเดือนเมษายน เพราะวันหยุดพิเศษเนื่องในวันเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษ ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อสินค้าลดลง ขณะเดียวกันผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นก็ทำให้ประสิทธิภาพในการลำเลียงวัตถุดิบด้านอุตสาหกรรมลดน้อยลงเช่นกัน
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยุโรปแม้ว่าธนาคารกลางเยอรมนีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2554 เป็น 3.1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.5% และได้เพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2555 เป็น 1.8% จากเดิม 1.5% เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจจะได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งอุตสาหกรรมส่งออกและการอุปโภคบริโภค
หุ้นแอร์เมส ร่วงลง 4.8% หลังจากโฆษกของบริษัท LVMH ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าหรูระดับโลกเปิดเผยว่า LVMH ไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการแอร์เมส โดย LVMH ถือหุ้นอยู่ในบริษัทแอร์เมสในสัดส่วน 20.2%
หุ้นโททาลปิดร่วง 1.7% และหุ้นบีพีปิดลบ 1.8% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ภายหลังจากหนังสือพิมพ์อัล-ฮายัตของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน 13% เป็น 10 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับปัจจุบันที่ 8.8 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุด