โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"บมจ.โกลว์ พลังงาน(GLOW)เริ่มทำกำไรเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คาดกำไรครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งแรก หลังมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าโคเจนเฟส 5 ขณะที่ปี 55 คาดบริษัทจะมีการทำกำไรได้อย่างโดดเด่น หลังโครงการ Gheco-One จะเริ่มเดินเครื่องตั้งแต่ต้นปีหน้า ซึ่งทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2,000 ล้านบาท แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า จะมีการเลื่อนการเดินเครื่องอีกหรือไม่
ส่วนการซื้อ บริษัท ไทย เนชั่นแนล เพาเวอร์ จำกัด (TNP)ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเงินทุน เนื่องจากใช้เงินในการซื้อกิจการไม่มาก ขณะที่คาดว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มของหุ้น GLOW อีก 2-4 บาท จากราคาพื้นฐาน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.เอเชียพลัส ซื้อ 57.84
บล.บัวหลวง ซื้อ 61.00
บล.ธนชาต ซื้อ 60.00
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 53.00
บล.กสิกรไทย ซื้อ 54.30
นางสาว นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส มองว่าการทำกำไรของ GLOW ในปีนี้ยังคงทรงๆตัว จากปีก่อน แต่ช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ในโครงการโรงไฟฟ้าโคเจน เฟส 5 ที่มีกำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ ก.ย.54 โดยคาดว่าทั้งปี 54 บริษัทจะมีกำไร 4,768 ล้านบาท แต่ปี 55 กำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตโดดเด่น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค-1 (Gheco-One)กำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ ที่บริษัทถือหุ้น 65% และ HEMRAJ ถือหุ้น 35% จะเริ่มเดินเครื่องตั้งแต่ต้นปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท ทำให้ประเมินว่าในปีหน้าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 42,636 ล้านบาท และเป็นกำไรสุทธิ 7,491 ล้านบาท
“กำไรบริษัทยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในปีหน้า แต่ยังไม่ใช่การทำกำไรสูงสุด...ถือว่า GLOW ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในช่วงครึ่งปีแรก"นางสาวนลินรัตน์ กล่าว
ส่วนการที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท ไทย เนชั่นแนล เพาเวอร์ จำกัด(TNP)ซึ่งถือเป็นโครงการบังคับซื้อจากการควบรวมกิจการของผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GLOW แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจาก TNP ทำธุรกิจไฟฟ้าขนาดเล็ก แต่ยังทำกำไรได้ และยังมีสัญญาขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย( กฟผ.)แล้ว
แต่ที่มองว่าอาจเป็นความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ คือการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า Gheco-One ที่เลื่อนการเดินเครื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน มาเป็นต้นปี 55 เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการทำ HIA ซึ่งต้องมีการติดตามต่อไปว่าจะมีการเลื่อนการเดินเครื่องอีกหรือไม่ แม้ขณะนี้ทางผู้บริหารจะยังยืนยันว่าจะยังเป็นไปตามแผน
บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย มองว่า ดีลการเข้าซื้อ TNP ให้ผลบวกน้อยกับบริษัท แต่ถือเป็นดีลที่ Fair และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ GLOW ประมาณ 2-4 บาท จากราคาพื้นฐานโดยประเมิน EV/MW สำหรับ TNP ที่ 0.8-1 ล้านเหรียญสหรัฐ/MW ขณะที่GLOW ต้องจ่ายเงิน 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ/MW สำหรับการขยาย TNP2 จึงมองว่าเป็นดีลที่ยุติธรรมเมื่อเทียบกับโครงการ Phase ที่ 5 ของ GLOW (382MW) ซึ่งมี EV/MW ที่ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ/MW
นอกจากนี้ คาดว่ากำลังการผลิตที่ 143 MW จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 250-300 ล้านบาท (0.2 บาท/หุ้น) และจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่เดือน ก.ค.54 ซึ่งจะส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 54-55 เพิ่มขึ้น 3-4% และรายได้จาก TNP จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อโครงการขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการในเดือน ธ.ค.55
ขณะที่การลงทุนซื้อ TNP ดังกล่าว คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเงินทุนของ GLOW มากนักโดยคาดว่า D/E ratio จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 2 เท่า และจะไม่ส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผล