นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์(TPC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายได้และกำไรในไตรมาส 2/54 คาดว่าดีกว่าในไตรมาส 1/54 และ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (Q2/53) เนื่องจากส่วนต่างราคา(สเปรด)พีวีซีสูงกว่า 500 เหรียญ/ตัน จากราคาขายพีวีซีที่อยู่เหนือ 1,000 เหรียญ/ตัน เนื่องจากซัพพลายขาดแคลนจากกำลังการผลิตในญี่ปุ่นชะลอจากเหตุภัยพิบัติ ส่งผลให้ตลาดตึงตัว แต่ปัจจุบันสถานการณ์การผลิตในญี่ปุ่นเริ่มกลับมาแล้ว
"สเปรดไตรมาส 2/54 ดูแล้วดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา และก็น่าจะดีกว่าไตรมาส 2/53 ได้ราคาขายสูงขึ้น สเปรดก็สูงตามไปด้วย"นายคเนศ กล่าว
อนึ่ง ในไตรมาส 1/54 บริษัทมีรายได้ 7.9 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 512.75 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2/53 มีรายได้ 7.2 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 321.25 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการทั้งปี 54 คาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนที่มี 2.9 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังไม่แน่ใจสภาพตลาดโดยรวม เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนว่าจะกลับมาฟื้นตัวเต็มที่หรือไม่ ขณะที่การเมืองในประเทศยังคาดการณ์ลำบากว่าพรรคใดจะชนะ รวมทั้งบรรยากาศหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เพราะหากไม่ดีมีผลต่อการใช้จ่ายของประชาชน
ส่วนกำลังการผลิตใหม่จากจีนเข้ามาในตลาด แต่ไม่ได้เป็นปัญหามาก เพราะหากมีซัพพลายมากเกินโรงงานผลิตพีวีซีสามารถหยุดผลิตชั่วคราวได้ โดยปกติตลาดจะมีซัพพลายเกินกว่าดีมานด์ประมาณ 10% อยู่แล้ว
นายคเนศ กล่าวว่า บริษัทจะยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้แต่อย่างใด จากต้นปีที่คาดว่าจะลงทุนในอาเซียนในส่วนของอุตสาหกรรมดาวน์สตรีม และการลงทุนผลิตท่อพีวีซีในพม่าด้วย เพราะพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่ใจสถานการณ์ โดยเฉพาะในเวียดนาม ที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แต่ได้หันมาดูการขยายกำลังการผลิตในมาบตาพุดหลังจากที่ได้รับอนุญาตเดินหน้าได้แล้ว