นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนเปิดไทยพาณิชย์คุ้มครองเงินต้น เอเชียน ล็อคอิน คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 2 ขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 5 ปี เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อคุ้มครองเงินต้น และสัญญาออปชั่นที่อ้างอิงกับราคาสินทรัพย์อ้างอิง 5 ชนิดที่เชื่อมโยงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทน 30% โดยมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 14-20 มิ.ย.54 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
กองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยไม่ต่ำกว่า 80% เพื่อรับประกันคืนเงินต้น 100% เมื่อครบอายุโครงการ และบางส่วนจะลงในสัญญาออปชั่นที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้(Investment Grade) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาสินทรัพย์ 5 ชนิด ประกอบด้วย หน่วยลงทุนประเภท ETF ของ Tracker Fund of Hong Kong (ฮ่องกง) อ้างอิงกับดัชนี Hang Seng และ ETF ของ iShares FTSE/Xinhua A50 China Index ETF (จีน) ส่วนที่เหลือจะอ้างอิงกับดัชนีตลาดหุ้น 3 ประเทศ คือ ดัชนี KOSPI200 (เกาหลีใต้) ดัชนี MSCI Singapore Free (สิงคโปร์) และดัชนี MSCI Taiwan (ไต้หวัน)
สำหรับเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนจะมีการพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิง ทุก ๆ 1 ปี นับจากวันจดทะเบียนกองทุน รวมทั้งหมด 5 ครั้ง โดยหากว่าสินทรัพย์อ้างอิงทั้ง 5 ชนิดมีระดับราคา ณ วันพิจารณาสูงกว่าหรือเท่ากับระดับราคา ณ วันจดทะเบียนกองทุน จะถือว่าเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนสมบูรณ์ หรือเรียกว่ามีการล็อคอินเกิดขึ้น ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ล็อคอินเพียง 1 ครั้ง จากโอกาสพิจารณาสินทรัพย์ 5 ครั้ง ผู้ลงทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทน 30% โดยไม่ต้องมีการพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิงอีกต่อไป โดยหากล็อคอินในปีแรกจ่ายผลตอบแทนปีละ 6% ตลอด 5 ปี ล็อคอินในปีที่ 2 จ่าย 12% และปีละ 6% ระยะเวลา 3 ปี ล็อคอินปีที่ 3 จ่าย 18% และจ่ายปีละ 6% ระยะเวลา 2 ปี ล็อคอินปีที่ 4 จ่าย 24% และปีต่อไปจ่าย 6% ทั้งนี้หากล็อคอินในปีที่ 5 จ่ายผลตอบแทน 30% อย่างไรก็ตามหากไม่เข้าเงื่อนไขในวันพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิงครั้งใดเลย นักลงทุนจะได้รับคืนเป็นเงินต้นเต็มจำนวน
ปัจจุบันระดับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงถือว่ายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก จากระดับราคาก่อนวิกฤตเลห์แมน บราเธอร์ส ทำให้โอกาสที่สินทรัพย์อ้างอิงแต่ละตัวจะปรับฐานลงแรงจึงมีค่อนข้างน้อย ประกอบกับ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเอเชียที่แข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อยที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงทั้ง 5 ตัว ณ วันพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับลดลงต่ำกว่าระดับราคา ณ วันจดทะเบียนกองทุน ประกอบกับข้อมูลในอดีตยังไม่เคยมีเหตุการณ์ที่กองทุนไม่ล็อคอิน ซึ่งผลการทดสอบ 8 ปีย้อนหลังด้วยข้อมูลจริงในอดีต (back-test) พบว่าโอกาสล็อคอินในปีแรกสูงมาก และทั้งหมดล็อคอินภายใน 4 ปี
“ระดับราคาตลาดหุ้นเอเชียยังน่าสนใจลงทุน โดยในอนาคตจะเป็นตลาดที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจเอเชียที่จะขยายตัวต่อเนื่อง และกลายเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกแทนสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น อีกทั้งการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ตัวเลขการส่งออกของเอเชียขยายตัวสูง ในขณะเดียวกันเอเชียยังมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูง และหนี้สาธารณะต่ำ" นางโชติกา กล่าว