นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าสินเชื่อรวมปี 54 เป็น 4.8 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 4.4 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่ามีโอกาสที่จะเพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มสดใส การผลิตรถยนต์ของผู้ประกอบการในญี่ปุ่นใกล้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้มีรถยนต์ส่งมอบได้ตามคำสั่งซื้อ ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับสูง
ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ไปได้แล้วประมาณ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)อยู่ที่ 0.9% และผลกำไรก็เติบโตสูงกว่าที่เป้า จึงมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนปัจจัยเสี่ยงมองว่าเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยทางบริษัทและศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 3.25% จากปัจจุบันที่ 3% ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการต้องควบคุมต้นทุนและบริหารหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อที่จะสามารถสร้างกำไรได้
นายอิสระ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายขึ้นสู่อันดับ 1 ในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถภายในปี 56 หรือมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 36% โดยปีนี้บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขึ้นมาสูงถึง 6.6 พันล้านบาท จากเป้าเดิม 3 พันล้านบาท คิดเป็นจำนวนรถประมาณ 2.2 หมื่นคัน และคาดว่าจะเติบโต 100% ในปี 55 เพิ่มเป็น 1.32 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนรถ 4.3 หมื่นคัน และปี 56 จะเพิ่มเป็น 2.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนรถ 8.6 หมื่นคัน
หลังล่าสุด บริษัทได้พัฒนาสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์รูปแบบใหม่ ได้แก่ สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยวงเงินเบิกเกินบัญชีสำหรับลูกค้าชั้นดี (MOR) ของธนาคารกสิกรไทย ณ วันที่ลูกค้าสมัครขอสินเชื่อ และใช้อัตราคงที่ตลอดอายุสัญญาการกู้ ซึ่งลูกค้าจะไม่มีความเสี่ยงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระจากเดิม 60 เดือน เป็นสูงสุด 72 เดือน โดยลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระเงินต้นในแต่ละเดือนได้มากตามความต้องการ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับเหมือนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั่วไป ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องชำระลดลงตามจำนวนเงินต้นคงเหลือที่ลดลงเรื่อยๆ และยังเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้สูงสุดถึง 100% ของราคาประเมิน สำหรับรถโตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ และเบนซ์ จากเดิมอนุมัติวงเงินสูงสุดที่ 80% รวมทั้งเพิ่มอายุรถยนต์ที่จะนำมาเป็นหลักประกันจากเดิมอายุสูงสุด 10 ปี เป็นสูงสุดถึง 17 ปี
"ปัจจุบันรถยนต์ที่จดทะเบียนแล้วและปลอดภาระหนี้มีจำนวนมากกว่า 4 ล้านคัน ในส่วนนี้มีลูกค้าที่ต้องการใช้เงินสดประมาณ 2.4 แสนคัน คิดเป็น 5% หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่บริษัทมีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้อีกมาก และจากบริการสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทยรูปแบบใหม่นี้ จะเป็นบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี"นายอิสระ กล่าว