นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) ระบุกองทุนในประเทศเริ่มเข้าซื้อหุ้นแล้ว หลังดัชนีหุ้นไทยรูดหนัก เตือนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนกหลังเห็นต่างชาติเทขาย ระบุปัจจัยพื้นฐานประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยน ส่วนความกังวลเศรษฐกิจเรื่องความไม่สงบทางการเมืองหลังการเลือกตั้งเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคม บลจ. และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง ระบุในบทความเรื่อง"เกิดอะไรกับตลาดหุ้น" ว่า ตอนนี้กองทุนในประเทศก็เริ่มซื้อหุ้นแล้ว หลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงไปมาก โดยมองกันว่าปัจจัยลบต่างๆ ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นที่ลดลงไปมากแล้ว
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทย ปรับลงมาติดต่อกัน 7 วัน มาอยู่ที่ 1,020.37 จุด เมื่อวันวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มิ.ย.) เป็นการลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ถูกกดดันจากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
นักลงทุนต่างชาติกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง เมื่อต้องลดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้นแล้ว จึงลดการลงทุนในสินทรัพย์ไทยทั้งในรูปของหุ้นและตราสารหนี้ ในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีการขายรวมแล้วประมาณ 7.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการขายพันธบัตรในตลาดตราสารหนี้ 5.7 หมื่นล้านบาท และขายหุ้น 1.7 หมื่นล้านบาท แต่มีข้อสังเกตุว่าเพิ่งนำออกไปเพียง 3 หมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้น
ประกอบกับ Goldman Sach, เครดิตสวิสกรุ๊ปเอจี และนักวิเคราะห์ต่างชาติบางราย ออกบทวิเคราะห์แนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือลดน้ำหนักการลงทุนลง เนื่องจากความเสี่ยงทางการเมืองมีอยู่สูงภายหลังการเลือกตั้ง
"ทุกครั้ง ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ขอให้นึกไปถึงปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทย อย่าตื่นตระหนกหรือฮึกเหิมจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด สังคมไทยในวันนี้ เป็นสังคมที่เสพข่าวสารและมักคล้อยตามโดยในบางครั้งจะลืมคิดถึงความจริง" นางวรวรรณ ให้คำแนะนำในการลงทุน
ธนาคารโลกชี้ว่าการขยายตัวในประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียจะชะลอลงในปีนี้ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนา สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยคาดว่าจะขยายตัว 3.7% ในปีนี้ โดยชะลอตัวลงจาก 7.8% ในปีที่แล้ว (ซึ่งมีฐานการเติบโตจากปี 2552 ที่ติดลบ จึงขยายตัวสูงถึง 7.8% ในปี 2553) แต่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นสู่ 4.2% ในปีหน้า และ 4.3% ในปี 2556
ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประทศไทย(ธปท. ) มองว่าสถานการณ์ที่ต่างชาติขายหุ้นและตราสารหนี้ในไทยน่าจะเกิดเพียงชั่วคราว หลังการเลือกตั้งชัดเจนก็น่าจะกลับมาลงทุนอีก ส่วนประเด็นทางการเมือง นางวรวรรณให้ความเห็นว่า เราน่าจะชินกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองกันแล้ว ที่อยู่รอดมาได้ก็เพราะนักธุรกิจไทยทำงานกันอย่างหนักจนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และเดี๋ยวนี้ก็ออกมาโหมโรงต่อต้านคอร์รัปชั่นกันแล้วด้วย
รากฐานของนักธุรกิจเหล่านี้อยู่ในประเทศไทย เขาไม่ปล่อยให้ประเทศพังแน่ เพราะเขาจะพังไปด้วย ดังนั้น อย่าไปกลัวมากเกินไปกับนโยบายประชานิยมทั้งหลายที่เรากำลังห่วงกันว่าจะทำร้ายประเทศไทยในระยะยาวหรือจะทำให้เงินเฟ้อจนควบคุมไม่ได้ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ข้าราชการกระทรวงการคลัง และพวกเราจะส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลใหม่อย่างแน่นอนหากมีแนวโน้มในทางลบมากเกินไป
"เราเหนื่อยกันมาหลายปีแล้ว กีฬาแข่งกันยังมีเวลาเลิก จึงเชื่อว่าบ้านเมืองคงจะอยู่กันแบบที่ผ่านมานี้ได้อีกไม่เกิน 2 ปี แล้วก็จะกลับเข้ามาอยู่ในวิถีที่ควรจะเป็นจะอยู่ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศไทยที่มีตำแหน่งที่ตั้งที่ได้เปรียบและเป็นศูนย์กลางของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ ขอเพียงแต่ให้เรามีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายบริหารงานที่ชัดเจน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเท่านั้นเอง"นางวรวรณ ระบุในบทความ