ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีการคาดการณ์ว่า บริษัทยูเรเซียน เนเชอรัล รีซอสเซส คอร์ป (ENRC) ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองของคาซัคสถาน อาจจะยอมรับข้อเสนอการเทคโอเวอร์กิจการจากบริษัทเกลนคอร์ อินเตอร์เนชันแนล
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.2% ปิดที่ 268.71 จุด ดัชนี FTSEurofirst 300 พุ่งขึ้น 0.22% ปิดที่ 1,091.94 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดีดขึ้น 15.24 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 7,085.14 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,040.42-7,123.88 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดีดขึ้น 2.52 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 3,807.61 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,796.30-3,828.23 จุด
หุ้น ENRC พุ่งขึ้น 4.7 % หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทมส์รายงานว่า เกลนคอร์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก กำลังพิจารณาเรื่องการยื่นเสนอเทคโอเวอร์กิจการ ENRC ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่า ENRC อาจจะยอมรับข้อเสนอของเกลนคอร์ อินเตอร์เนชันแนล
หุ้นบริษัทคาซัคมิ ซึ่งถือหุ้นอยู่ใน ENRC ปิดพุ่ง 2.2%
หุ้น Banco Popolare SC ซึ่งเป็นธนาคารของอิตาลี ปิดบวก 1.3% เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า Banco Popolare อาจจะหลีกเลี่ยงข้อเสนอการเทคโอเวอร์จากธนาคารคู่แข่ง
หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ปิดบวก 1.4% หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทมส์รายงานว่า ธนาคารอาจจะปรับลดจำนวนพนักงานลง 15,000 ตำแหน่ง ตามยุทธศาสตร์การปรับลดต้นทุนมูลลค่า 1 พันล้านปอนด์ของนายอันโตนิโอ ฮอร์ตา-ออสโซริโอ ซีอีโอของลอยด์ แบงกิง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเต็มไปด้วยความระมัดระวัง หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซลง 3 ขั้น สู่ระดับ CCC จากระดับ B พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็น "เชิงลบ"