หุ้น DTAC ราคาขยับขึ้น 1.70% มาอยู่ที่ 59.75 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าซื้อขาย 65.89 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.02 น. โดยเปิดตลาดที่ 59.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 59.25 บาท
บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)มองศักยภาพการเติบโตสูง และคาดจ่ายเงินปันผลพิเศษในปีนี้
DTAC มีจุดแข็งเหนือคู่แข่งคืออายุสัมปทานเหลือมากสุดคือ 7 ปี 3 เดือน และมีความพร้อมด้านคลื่นความถี่ปัจจุบันที่มีทั้งคลื่นความถี่ 1800 ความจุ 50 MHZ รองรับบริการ 2G และมีคลื่นความถี่ 850 ความจุ 12.5 MHZ ซึ่งเดิมเคยใช้สำหรับมือถือระบบอนาล็อค แต่ปัจจุบันไม่มีการใช้งานแล้ว และจะนำคลื่นดังกล่าวมาใช้ให้บริการ 3G ภายใต้สัมปทานปัจจุบัน บวกกับแผนเดินหน้ารุกขยายโครงข่าย 3G เพื่อรองรับความต้องการบริการ Non-Voice ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ ข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผลของ DTAC จะหมดลง หลังชำระคืนหุ้นกู้วงเงิน 3 พันล้านบาทที่จะครบกำหนด 24 ส.ค.54 เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีเงื่อนไขไม่ให้ DTAC จ่ายเงินปันผลเกิน 70% ของกำไรสุทธิ บวกกับ DTAC มีกำไรสะสมสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท และมีสถานะเงินสดสุทธิสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท จึงเป็นไปได้สูงมากที่ DTAC จะจ่ายเงินปันผลพิเศษปี 2554 โดยในประมาณการปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยยังอนุรักษ์นิยมกำหนดให้ DTAC จ่ายเงินปันผลปี 2554 ที่อัตรา 70% คาด DTAC จะเงินปันผลปี 2554 ที่หุ้นละ 3.39 บาท คิดเป็น Div. Yield 5.8%
ปีนี้ DTAC มีงบลงทุนราว 6 พันล้านบาท โดยใช้สำหรับติดตั้งสถานีฐานสำหรับโครงข่าย 3G บนคลื่นความถี่ 850 ภายใต้สัมปทานเดิม 400 สถานีฐานภายในกรุงเทพและปริมณฑลด้วยงบลงทุนเพียง 350 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จกลางเดือนก.ค. นี้ และพร้อมให้บริการแบบเชิงทดสอบ แม้ยังไม่ได้รับอนุญาติให้บริการ 3G ในเชิงพาณิชย์ (สามารถเรียกเก็บค่าบริการเฉพาะกรณีขายพ่วงกับบริการอื่น แต่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากการขายบริการ 3G ได้โดยตรง) และมีแผนขยายสถานีฐานเพิ่มเป็น 1,220 สถานีฐาน ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะใช้งบลงทุนเพิ่มอีกราว 800 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการในอนาคต และเตรียมพร้อมรับรอบการได้รับใบอนุญาตให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อีกทั้ง DTAC มีแผนที่จะติดตั้งระบบ WiFi ราว 40-50 จุดด้วยตนเองในอาคารย่านการค้าที่สำคัญในกรุงเทพฯ เพื่อเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ด้วย ขณะเดียวกันยังเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ Non-Voice โดยทยอยเปลี่ยนระบบเน็ตเวิร์คใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะใช้งบลงทุนอีกราว 2-3 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการให้บริการ Non-Voice และงบที่เหลืออีกราว 2 พันล้านบาทใช้สำหรับเพิ่ม Capacity ของการรับส่งในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการช่วงชิงตลาดสมาร์ทโฟนที่ยังมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยแผนดังกล่าว คาดว่ากำไรปกติปี 2554 ของ DTAC จะเพิ่มขึ้น 10.5% yoy แม้ฐานภาษีปีนี้จะขยับขึ้นจากปีก่อนหน้าราว 5% และ DTAC จะจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กสท.เพิ่มขึ้น 25% เป็น 30% ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.54 เป็นต้นไป
จึงเลือกเป็น Top Pick กลุ่ม โดยกำหนดมูลค่าพื้นฐานหุ้นใหม่ปี 54 ภายใต้สัมปทานเดิมที่ 56.50 บาท และเมื่อรวมกับมูลค่าเพิ่มอีก 16.30 บาท ภายหลังให้บริการ 3G ภายใต้ใบอนุญาตใหม่ Fair value จะเพิ่มขึ้นเป็น 72.80 บาท Upside 23.9%