นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) คาดว่า ส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ธุรกิจค้าหลักทรัพย์ของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 5-6% ลดลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 7% โดยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5.3% ทั้งนี้เป็นผลจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย เพราะหากช่วงตลาดดีจะมีปริมาณการซื้อขายมาก ประกอบกับ ลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศ และมีการลงทุนลักษณะเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าปีนี้จะมีกำไรดีกว่าปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังถูกดึงตัวมาร์เก็ตติ้งที่ดูแลพอร์ตการลงทุนของบริษัท (Porp trade) จำนวน 3 ราย ซึ่งสร้างรีเทิร์นให้บริษัท 30-40% จากวงเงิน Prop trade 125 ล้านบาท แต่ขณะนี้ได้สรรหาคนมาทำหน้าที่แทนแล้ว คาดว่าจะเริ่มงานได้ในเดือน ก.ค.นี้ เชื่อว่าจะมีผลทำให้ยอด Prop trade ทำได้เท่าเดิม โดยปีนี้บริษัทได้เพิ่มวงเงิน Prop trade เป็น 125 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 100 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ยังกล่าวยืนยันว่า บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีการเทคโอเวอร์และยึดอำนาจบริหาร ใน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ที่ถูกอ้างว่ามีโบรกเกอร์พันธมิตรอีก 13 รายทำบทวิเคราะห์แนะ"ซื้อ"หุ้น TTA
บริษัทพร้อมให้ข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากมีการร้องขอมา เพราะได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความมีจรรยาบรรณของการเป็นโบรกเกอร์ โดยการให้ข้อมูลตามบทวิเคราะห์และตามข้อมูลพื้นฐาน นอกจากนี้บริษัทยังมีฝ่ายตรวจสอบดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
"ผมเข้าใจว่าทุกคนมองว่าคันทรี่กรุ๊ป เกี่ยวข้องกับบี (บี เตชะอุบล) เพราะบี เคยทำงานที่นี่ ซึ่งผมยอมรับว่ารู้จักกับบี แต่เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ (TTA)...พอมีข่าวออกมาเราไม่เคยแนะนำให้ซื้อหรือให้ขายหุ้น เราแนะนำตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เรามีฝ่ายตรวจสอบ จึงขอให้มีความเชื่อมั่นในธรรมาภิบาล" นายประสิทธิ์ กล่าว