โบรกเกอร์หนุน"ซื้อ"หุ้นบมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR)คาดกำไรไตรมาส 2/54 เติบโตโดดเด่น และกำไรทั้งปีเติบโตสูง เป็นผลจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์และภาพยนต์ที่เข้าฉายหลายเรื่องทำเงินหลัก 100 ล้านบาท ดันรายได้จากตั๋วชมภาพยนตร์สูงเป็นประวัติการณ์
พร้อมทั้งคาดจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท รวมทั้งล่าสุดเกิดความร่วมมือกับพันธมิตรเกาหลีในการลงทุนสร้างโรงภาพยนตร์ 4 มิติ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าระดับสูงและราคาบัตรชมภาพยนตร์อยู่ที่ 350-450 บาท สูงกว่าราคาบัตรชมภาพยนตร์ปกติ 3-4 เท่า เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคต
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 20.40 บล.กสิกรไทย ซื้อ 19.50 บล.ฟิลลิป ซื้อ 18.00 บล.ซีไอเอ็มบี NEUTRAL 15.70
น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า MAJOR มีความโดดเด่นมากในแง่ของผลประกอบการไตรมาส 2/54 โดยคาดว่าจะเติบโต 40% หลังภาพยนตร์ที่เข้าฉายทำรายได้สูงกว่า 100 ล้านบาทหลายเรื่อง เชื่อว่ารายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์จะสูงเป็นประวัติการณ์
โดยเฉพาะภาพยนตร์"ตำนวนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3"ทำรายได้กว่า 200 ล้านบาท ภาพยนตร์เรื่อง"Fast & Furious 5"ทำรายได้ 150 ล้านบาท ภาพยนตร์ไทยเรื่อง"ลัดดาแลนด์"ทำรายได้ 120 ล้านบาท ภาพยนตร์เรื่อง"Pirates of the Caribbean ภาค 4"ทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และ ภาพยนตร์เรื่อง"Thor"ทำรายได้ 70 ล้านบาท นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 2 ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโฆษณาด้วย
นอกจากนั้น ยังคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังรายได้จากภาพยนตร์จะยังคงดีต่อเนื่อง เพราะมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่รอเข้าฉายทั้ง"ตำนวนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ภาค 4 และ 5 คาดว่าจะเข้าฉายในเดือน ส.ค.และ ธ.ค.ตามลำดับ รวมทั้งภาพยนตร์ต่างประเทศฟอร์มยักษ์อย่าง Transformer 3, Harry Potter 7.2, Twilight 4.1, Mission Impossible 4
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรของ MAJOR ในปีนี้จะสูงกว่าปีที่มีกำไรปกติ 762 ล้านบาทไม่รวมกำไรพิเศษ เนื่องจากปีก่อนบริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยราคาเหมาะสมซึ่งประเมินด้วยวิธี Sum-of-the-parts ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20.40 บาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า MAJOR ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องและใตรมาส 2/54 คาดว่าผลประกอบการจะออกมาโดดเด่นทั้งจากภาพยนตร์ทำรายได้หลัก 100 ล้านบาทหลายเรื่อง และครึ่งปีหลังยังมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจอีกจำนวนมาก ทั้ง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ภาค 4 และ ลุ้นว่าภาค 5 เข้าฉายในปีนี้ด้วย
นอกจากนี้ ภาพยนตร์ต่างประเทศระดับทำเงินระดับสูงเข้ามาอีก ทั้ง แฮร์รี่ พอร์ตเตอร์ ภาคจบ, Transformer 3 รวมทั้ง คาดว่ารายได้จากการโฆษณาในโรงภาพยนตร์จะออกมาดีด้วยตามการเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณา
สำหรับการประเมินกำไรสุทธิปีนี้คาดว่า 833 ล้านบาท จากปีก่อน 762 ล้านบาท เติบโต 11.7% แต่ถ้านับแต่กำไรจากการดำเนินงานถือว่าเติบโตสูง เนื่องจากปีที่แล้วบริษัทมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์
ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.กสิกรไทย คาดว่า MAJOR จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท/หุ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมทุนกับบริษัทจากเกาหลีในการทำโรงภาพยนตร์แบบ 4 มิติ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าระดับสูงเนื่องจากราคาบัตรชมภาพยนตร์ราคาประมาณ 350-450 บาท สูงกว่าราคาภาพยนตร์ปกติ 3-4 เท่า โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคต