บล.ทิสโก้ คาดหุ้นดีดตัวได้แม้เลือกตั้งออกหัว/ก้อย แต่ยังไปได้ไม่แรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 14, 2011 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนและผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 1 เดือนหลังเลือกตั้งมี 2 ประเด็นที่ต้องจับตา คือ หากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จัดตั้งรัฐบาล มองว่าตลาดหุ้นจะแกว่งที่ระดับ 1,000 จุด แต่ไม่หลุด 1,000 จุด และทดสอบแนวต้าน 1,050-1,060 จุด ถือว่าแกว่งตัวกว้าง เพราะภาพการเมืองถือว่าความเสี่ยงทางการเมืองลดลง

ดังนั้น เชื่อว่าต่างชาติที่เคยขายหุ้นออกตั้งแต่ 10 พ.ค.-ปัจจุบันเป็นเม็ดเงินกว่า 37,000 ล้านบาท จะกลับมามาซื้อ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติบางส่วนที่มีการทำ short จะกลับมา cover short แต่ตลาดหุ้นคงจะไม่ปรับขึ้นไม่มาก เนื่องจากแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกในไตรมาส 3/54 จะทรงหรือลดลงเล็กน้อย หลังจากช่วงเดือน มิ.ย. ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงมามากแล้ว

แต่หากในกรณีท่พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดตั้งรัฐบาล มองว่าตลาดหุ้นจะต้องปรับลดลงมาก่อน โดยคาดว่าถ้าปลายเดือนมิ.ย.ดัชนีจะอยู่ที่ 1,000 จุด หลังจากนั้นจะลงมาทดสอบ 980 จุด และน่าจะดีดกลับติดแนวต้าน 1,025-1,035 จุด ลักษณะไซด์เวย์ออกด้านข้าง

เนื่องจากนักลงทุนยังคาใจเรื่องทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และบุคคลที่จะเป็น รมว.กลาโหม รวมทั้งภารกิจสำคัญเมื่อได้รัฐบาลใหม่เข้ามาคือแก้ปัญหาปากท้องประชาชนหรือไม่ และจะมีข้อสงสัยว่านายกรัฐมนตรีจากเพื่อไทยเป็นนายกจริงหรือแค่ตัวแทน จะมีการเดินหน้านิรโทษกรรมนักการเมืองหรือไม่ รวมทั้งจะมีการปรับโยกย้ายทหารตำรวจครั้งใหญ่หรือไม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ไม่ไกล เพราะความเสี่ยงทางการเมืองสูงขึ้น

"ตอนนี้ดัชนีที่ 1,000 จุด ค่า PE 12 เท่า เทียบกับดัชนี 1,110 จุด ค่า PE 13 เท่า ถือว่าหุ้นไม่แพง บวกกับผลกำไรบจ.ไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 25% ทำให้หุ้นไม่แพง ถึงแม้หุ้นจะขึ้นไปเยอะแล้ว แต่บวกกับ 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยลง 10% เทียบกับตลาดหุ้นเอเชียลงแค่ 7-8% ที่ของเราลงมากกว่าเพราะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง"นายวิวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีแกนนำมาจากพรรคอื่น มองว่าทิศทางตลาดหุ้นจะดี แต่โอกาสเป็นไปได้ยากมาก เพราะการเลือกตั้งรอบนี้มีเดิมพันสูงเพราะมีเรื่องนิรโทษกรรม และต้องมีคณะศาลตัดสิน จึงมองว่าการเลือกตั้งรอบนี้ไม่เหมือนเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ที่เลือกตั้งแล้วตลาดหุ้นมักจะปรับตัวสูงขึ้น

นายวิวัฒน์ แนะกลยุทธ์การลงทุนว่า ช่วงนี้ถ้าตลาดหุ้นปรับลดลงมาต่ำกว่า 1,000 จุดให้เข้าซื้อ แม้ พท.มาจัดตั้งรัฐบาล หุ้นที่ลงมาก่อนหน้าจะปรับขึ้น จึงไม่น่าจะขาดทุน โดยแนะนำหุ้นกลุ่มสื่อสาร คาดผลกำไรไตรมาส 2/54 จะออกมาดี ADVANC ราคาแข็งแรง, สื่อทีวีและสิ่งพิมพ์ เพราะเม็ดเงินโฆษณาเดือน พ.ค.โต 15% เช่น MAJOR, BEC รวมถึง หุ้นเทิร์นอราวน์ อย่าง THCOM หุ้นที่ต่างชาติขายแล้วต้องซื้อคืน คือ กลุ่มแบงก์ KBANK, KTB, BBL และ SCB ซึ่งราคาปัจจุบันดิสเคาน์เกิน 30% เมื่อเทียบกับราคาเป้าเหมาะสม

"ช่วงนี้เล่นหุ้นหลัก เพราะพอหลังการเมืองชัดเจนต่างชาติจะเข้ามาซื้อคืนหุ้นที่ขายไป แต่หุ้นจะไม่ขึ้นแรงเพราะหุ้นโลกไตรมาส 3 แนวโน้มลงหรือไซด์เวย์ นโยบายกองทุนทั่วโลกลดน้ำหนักในสินทรัพย์เสี่ยงสูง เช่น หุ้น ไปพักเงินที่ตราสารหนี้ เนื่องจากบรรดาผู้จัดการกองทุนกังวลผลประกอบการไตรมาส 2 ของบจ.กำไรจะ drop ลงจากไตรมาส 1 ที่ผานมา จากซัพพลายเชนญี่ปุ่น กังวลเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ดอกเบี้ยสูง และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทำให้ทุกคนมองไตรมาส 2 กำไรแย่กว่าไตรมาส 1 แต่ของไทยที่น่าจะดีขึ้นก็มีสื่อสาร สิ่งพิมพ์" นายวิวัฒน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ