บลจ.ทิสโก้ มองจังหวะนี้เข้าลงทุนได้ หวังดัชนีแตะ 1,200 จุดตามคาดการณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 14, 2011 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ มองเป็นโอกาสเข้าลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทยที่ระดับดัชนีประมาณ 1,000 จุด เพราะที่หากมองจากตัวเลขการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นถึง 1,200 จุด จะเห็นว่าสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ถึง 20% ดังนั้น สำหรับการลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นนักลงทุนระยะยาวตอนนี้จึงถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจลงทุนมากขึ้น

“ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น เป็นที่แน่ชัดว่าอัตราดอกเบี้ยยังเป็นแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้น ดังนั้นการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ไม่มีโอกาสทำกำไรได้เลย โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนแล้ว การลงทุนในหุ้นบ้างก็น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดี ไปอย่างน้อยในรอบ 12 เดือนข้างหน้า" นายธีรนาถ กล่าว

ขณะนี้ดัชนีราคาหุ้นทั่วโลก รวมทั้งดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกันกว่า 6 สัปดาห์ เนื่องจากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ ทั้งตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่สูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของในสหรัฐฯ และโลกจะเติบโตช้าลง อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของมาตราการที่จะต้องช่วยเหลือกรีซของประเทศในกลุ่มยุโรป ที่กระทบบรรยากาศการลงทุนเป็นระยะ

ขณะที่ปัจจัยในประเทศคือความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งแม้ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็นรัฐบาลเพื่อสานต่อการพัฒนาประเทศ ทำให้นักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติหยุดรอดูสถานการณ์ก่อน ประกอบกับ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมากในช่วงก่อนหน้านี้

แต่หากพิจารณาจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยรวมที่มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับประมาณ 4% โดยเฉลี่ย ประกอบกับคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวจะยิ่งดูดีขึ้นในครึ่งปีหลัง จากการที่ภาคอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาผลิตได้ใหม่ ย่อมทำให้ปัจจัยลบหลักๆ น่าจะคลี่คลายลง

นายธีรนาถ กล่าวว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน น่าจะเป็นโอกาสให้นักลงทุนหาจังหวะเข้าลงทุน โดยหากเลือกเป็นประเทศในกลุ่มที่พัฒนาแล้ว ซึ่งสหรัฐยังเป็นประเทศที่น่าสนใจ เพราะบริษัทอเมริกันขนาดใหญ่ทำการค้าทั่วโลก ย่อมได้ผลดีหากเศรษฐกิจยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจทางภูมิภาคเอเชียยังเติบโตดีอยู่เช่นนี้ก็จะทำให้บริษัทเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในดัชนี S&P 500 น่าจะมีการเติบโตของรายได้และผลกำไรตามไปด้วย

ส่วนประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะเป็นประเทศในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ไม่นับญี่ปุ่น (Asia Pacific exclude Japan) ที่ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและปลอดจากความเสี่ยงจากสงคราม โดยในตลาดเอเชีย ตลาดหุ้นจีน H-Share ยังเป็นกลุ่มหุ้นที่มีราคาถูกที่สุดในตลาดเอเชีย หากไม่นับเกาหลีใต้ ซึ่งหากหุ้นจีน H-Share ที่ปัจจุบันซื้อขายในระดับ PE ประมาณ 10-11 เท่า และสามารถกลับมาซื้อขายในระดับ PE เฉลี่ยที่ 14 เท่าตลาดหุ้นจีนก็น่าจะมีโอกาสสร้างกำไรได้ถึง 35-40%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ