ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงเช้านี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ รวมทั้งการประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลกรีซ ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,478.63 จุด ลดลง 95.69 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,048.28 จุด ลดลง 295.49 จุด สำหรับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลดลง 19.8 จุด หรือ 0.73% แตะระดับ 2,685.63 จุด ส่วนดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,739.84 จุด ลดลง 91.61 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,553.11 จุด ลดลง 3.08 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,057.16 จุด ลดลง 29.37 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,547.50 จุด ลดลง 19.30 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,040.86 จุด ลดลง 13.96 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วง 1.4% เมื่อเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซจะปรับคณะรัฐมนตรี และจะจัดให้มีการลงมติไว้วางใจโดยรัฐสภา ขณะที่ประชาชนชาวกรีซนับหมื่นคนรวมตัวประท้วงคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในกรุงเอเธนส์เมื่อวานนี้
ตำรวจปราบปรามจลาจลได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ขว้างปาระเบิดไฟและตัวหนอนปูทางเท้า รวมทั้งทำลายกระจกของโรงแรมหรู ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนต้องหนีเอาตัวรอด ขณะที่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 36 คน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่า สถานการณ์ของกรีซอาจจะต้องจบลงที่การผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ก็ปรับโครงสร้าง ซึ่งอาจจะกลายเป็นกรณีเช่นเดียวกับเลห์แมน บราเธอร์ในยุโรป
สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ทั่วไปประจำเดือนพ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% หลังจากราคารถยนต์และราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนีซีพีไอทั่วไปเดือนพ.ค.ขยายตัวช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 0.4% หลังจากราคาพลังงานร่วงลง 1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี
ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2551 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% สำนักข่าวซินหัวรายงาน