(เพิ่มเติม) AP คาดรายได้H1/54 ดีกว่าH1/53หลังยอดจองเพิ่ม, เปิด 2 คอนโดฯใหม่ในมิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 16, 2011 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) เปิดเผยว่า รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังคาดว่ายอดจองในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 7 พันล้านบาท หรือเติบโตกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5.6 พันล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)ในมือ 2.6 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ 1.25 หมื่นล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ จนถึงปี 56

นายวิทการ กล่าวว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นกว่าล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 3/54 เปิด 4 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ และ โครงการทาวน์เฮ้าส์แบบประหยัด(The Pleno) 1 โครงการ ส่วนในไตรมาส 4/54 จะเปิดอีก 5 โครงการ

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 9 โครงการมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท

"ธุรกิจคอนโดฯในระยะต่อไป การแข่งขันจะรุนแรงขึ้น หลังปัจจุบัน developer มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และทุกคนก็มีความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน มีผลต่อการซื้อที่ ต้องแย่งกันมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องหันมาแข่งขันด้านดีไซน์และคอนเซ็ปต์" นายวิทการ กล่าว

โครงการที่เปิดตัวในเดือนนี้ เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ ได้แก่ Rhythm สุขุมวิท 44/1 จำนวน 486 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2.69 พันล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท/ยูนิต และโครงการ Aspire ศรีนครินทร์ จำนวน 330 ยูนิต มูลค่าโครงการ 514 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.54 ล้านบาท/ยูนิต

นายวิทการ กล่าวว่า ปัจจุบันดีมานด์ของคอนโดมิเนียมยังไม่ชะลอตัว เพียงแต่ดีมานด์ที่เกิดขึ้นเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเท่านั้น ไม่ใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะยาวเหมือนแต่ก่อน ส่วนจำนวนซัพพลายที่หลายคนกังวลจะล้นตลาดหรือไม่นั้น ทางบริษัทเชื่อว่าผู้ประกอบการ รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ มีการบริหารจัดการให้ดีมานด์กับซัพพลายสอดคล้องไปด้วยกันอยู่แล้ว จึงคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา

"ในอดีตช่วงที่กระแสคอนโดฯบูมใหม่ๆ จะเห็นผู้ซื้อ 3 กลุ่มคือคนซื้อเพื่ออยู่จริง คนซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว และนักเก็งกำไรระยะสั้นแต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่า จากข้อบังคับใหม่ๆ เช่น LTV หรือความเข้มงวดจากสถาบันการเงิน รวมทั้งจำนวนสินค้าที่มีให้เลือกมากขึ้น ล้วนเป็นกำแพงสกัดกั้นดีมานด์ปลอม ให้เหลือเพียงแต่เรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่จริงเท่านั้น โดยภาพที่เห็นปัจจุบัน ยอดขายจะดีดตัวขึ้นในช่วงเปิดตัวใหม่ๆ จากนั้นจะขายได้เรื่อยๆไม่หวือหวา และจะปรับสูงขึ้นอีกครั้งเมื่อโครงการใกล้เสร็จ"นายวิทการ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ