นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ในฐานะตัวแทนบมจ.ทรูมูฟ ในเครือ บมจ.ทรู คอร์เปอเรชั่น(TRUE) กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือร้องเรียนให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบสถานะของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC) เกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นพร้อมการยื่นเอกสารประกอบว่า ทรูมูฟต้องการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนในแง่ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่กำหนดว่าคนต่างด้าวหากจะทำธุรกิจโทรคมนาคมจำเป็นต้องขออนุญาตการประกอบธุรกิจก่อน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งเป็นทรัพยากรและเป็นความมั่นคงของชาติ
โดยในกรณีของ DTAC นั้น จากการตรวจสอบทางลึกของบริษัททรูมูฟนานถึง 3 ปี จึงพบว่า DTAC มีสถานะเป็นคนต่างด้าว และไม่ได้ขออนุญาตประกอบธุรกิจในไทย
"บริษัทได้ตรวจสอบดีแทคในหลายด้าน ทั้งการถือหุ้นที่ไขว้กันไปมาถึง 5 ชั้น, เงินลงทุนที่มาจากแหล่งเดียวกัน, ผู้บริหารที่มาจากเบื้องหลังเดียวกัน, กรรมการคนไทยไม่มีอำนาจบริหารจัดการ แต่กลับเป็นคนต่างด้าว บางคนไม่มีสิทธิ์ในการออกเสียง โดยกรรมการต่างด้าว 1 คนมีสิทธิ์ออกเสียง 1 เสียง แต่กรรมการคนไทยต้องใช้ถึง 10 คนจึงจะมีสิทธิ์ออกเสียง 1 เสียง นอกจากนี้กรรมการคนไทยยังไม่มีสิทธิ์ในการถอดถอนผู้บริหาร เงินปันผลได้เพียง 50 สตางค์ต่อหุ้น แต่ต่างด้าวได้มากถึง 5,000 บาทต่อหุ้น" นางศุภสรณ์ กล่าว พร้อมระบุว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ชี้ชัดว่า DTAC เป็นต่างด้าว ซึ่งทรูมูฟมั่นใจในข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้
อย่างไรก็ดี หากผลการตรวจสอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกมาแตกต่างจากผลการตรวจสอบของทรูมูฟ หรือไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า DTAC เข้าข่ายเป็นต่างด้าวจริง ก็พร้อมยอมรับและจะไม่เรียกร้องให้มีการตรวจสอบซ้ำอีกแน่นอน