(เพิ่มเติม) ฟิทช์ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิต TTA เป็นเชิงลบ จากมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 16, 2011 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวหนี้ไม่มีหลักประกันของ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนซีส์(TTA) เป็นลบ จากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ โดยยังคงอันดับเครดิตที่ ‘BBB+(tha)’

การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปีงบการเงิน 2554 ที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย 12 เดือนล่าสุด (Net Debt to last 12 months (LTM) EBITDA) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 4.3 เท่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 จาก 1.9 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงิน 2553 (สิ้นเดือนกันยายน 2553) ฟิท

ช์คาดว่าธุรกิจหลักของ TTA จะมีการฟื้นตัวในช่วง 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า แต่การฟื้นตัวดังกล่าวน่าจะยังคงอ่อนไหว เนื่องจากธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง (Dry Bulk Shipping) ยังมีความเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง ในขณะที่การพลิกฟื้นธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (Offshore Service Business) ยังเป็นงานที่ท้าทายสำหรับทีมผู้บริหารใหม่ ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจทำให้ผลประกอบการและฐานะการเงินของ TTA อ่อนแอลงอีก รวมถึงอาจทำให้การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินล่าช้าออกไป

ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบการเงิน 2554 TTA เผชิญกับอัตราค่าระวางที่ลดลงและจำนวนวันเดินเรือที่ลดลงเนื่องจากการเลื่อนการซื้อเรือใหม่ในตลาดมือสองออกไป นอกจากนี้ บริษัทยังไม่สามารถผลักภาระต้นทุนการเดินเรือที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันให้แก่ลูกค้าได้ เนื่องจากปริมาณเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมีมากกว่าความต้องการขนส่งสินค้า

ในด้านธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง อัตราการใช้ประโยชน์ของกองเรือเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากทีมผู้บริหารใหม่ใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้ในการเข้ารับช่วงการบริหารอย่างสมบูรณ์ รวมถึงผลจาก Low Season ของธุรกิจในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมด้วย โดย TTA มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับครึ่งปีแรกของปีงบการเงิน 2554 อยู่ที่ 966 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สภาพคล่องของ TTA อยู่ในระดับที่เพียงพอ โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากับ 4.3 พันล้านบาทและวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกถอนจำนวน 683 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หากผลประกอบการของบริษัทยังคงอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบกับสภาพคล่องของบริษัทได้

อันดับเครดิตของ TTA มีปัจจัยสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์อันยาวนานและสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัทในธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจบริการนอกชายฝั่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงของบริษัทไปยังธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง ซึ่งสามารถช่วยลดทอนผลกระทบจากวัฏจักรขาลงของธุรกิจเดินเรือที่มีต่อบริษัทได้ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย คิดเป็นร้อยละ 40 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของบริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 10-15

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตได้ถูกลดทอนโดยลักษณะความเป็นวัฏจักรของธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองที่มีความผันผวนสูง ในขณะเดียวกัน แนวโน้มของอัตราค่าระวางในอีก 12-18 เดือนข้างหน้าน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความเสี่ยงจากปริมาณเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองที่มีมากกว่าความต้องการขนส่งสินค้าในช่วงปี 2554-2555 แม้ว่านโยบายการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นของ TTA จะช่วยลดความผันผวนและความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดได้ในระยะยาว แต่นโยบายดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้น

อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลง หากไม่มีการฟื้นตัวของธุรกิจหลักของบริษัท ในขณะที่ยังคงมีการลงทุนซื้อเรือใหม่และการลงทุนในกิจการอื่นๆ เป็นจำนวนมากในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย สูงเกินกว่า 3.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง และ/หรือ หากสภาพคล่องของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อดอกเบี้ยจ่ายและค่าเช่า (Fixed Charge Coverage) ลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่า หรือ หากเจ้าหนี้ธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อสภาพคล่องของบริษัท

ในทางกลับกัน แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับเป็นมีเสถียรภาพเช่นเดิมได้ หากธุรกิจหลักของบริษัทมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมี อัตราส่วนหนี้สินลดลงมาต่ำกว่าระดับ 3.0 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ