หุ้น KAMART ราคาพุ่ง 19.51 % มาอยู่ที่ 0.49บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท เมื่อเวลา 12.08 น.มูลค่าการซื้อขาย 25.90 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.42 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 0.51 บาท และต่ำสุดที่ 0.42 บาท
แหล่งข่าวจาก บมจ.คาร์มาร์ท หรือ KAMART เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าจะมีกำไรในไตรมาส 2/54 หลังจากไตรมาส 1/54 ขาดทุนลดลงเหลือ 1.32 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังยังมีกำไรต่อเนื่องและตามเป้าหมายบริษัทเชื่อว่าจะมีกำไรสุทธิ จากเป้าหมายรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท จากการรุกธุรกิจขายเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายรถโดยสารก็ยังมีอยู่
"เป้าหมายของบริษัทปีนี้หวังมีกำไรเราก็ขาดทุนลดลงต่อเนื่อง หลังหันมาเน้นธุรกิจซื้อมาขายไปเครื่องสำอางและเชื่อว่าจะเริ่มเห็นกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 2/54"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในวันนี้ แหล่งข่าว กล่าวว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่การที่ผู้บริหารเข้าซื้อหุ้น KAMART ต่อเนื่อง อาจจะทำให้มองเห็นภาพว่าเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ และจะสามารถคลี่คลายปัญหาได้ หลังเปลี่ยนจาก บมจ.ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น(DISTAR)มาเป็นบมจ.คาร์มาร์ท(KAMART) และรุกธุรกิจการขายเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ KAMART
บริษัทมีแผนจะขยายสาขา 30 สาขาในปีนี้ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยจะมีรูปแบบของการขายเฟรนด์ไชด์ และลงทุนเอง โดยงบลงทุนสาขาละประมาณ 1 ล้านบาท
ส่วนแผนการล้างขาดทุนสะสมปีนี้คงยังไม่มีการพิจารณา โดยตั้งเป้าว่าปีนี้ขอให้มีกำไรสุทธิก่อน และปัญหาการขาดทุนจากสต็อกคงค้างหรือพอร์ตสินเชื่อของ DISTAR ยังคงอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะปัจจุบันเป็นบริษัทลูกเท่านั้น
อนึ่ง จากรายงานข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทรัพย์(ก.ล.ต.)พบว่านายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล กรรมการผู้จัดการ เข้าซื้อหุ้น KAMART ติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 7-9 มิ.ย. จำนวน 3.1 ล้านหุ้น ที่ราคา 0.39 บาท และล่าสุดวันที่ 14 มิ.ย.เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 6.4 ล้านหุ้น