ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อหลายวันก่อน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำด้านข้อมูลเศรษฐกิจในวันจันทร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซ หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้เลื่อนการเบิกจ่ายเงินงวดใหม่ของกรีซออกไปเป็นช่วงกลางเดือนก.ค.จนกว่ารัฐบาลกรีซจะใช้มาตรการคุมเข้มด้านการคลังและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 76.02 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 12,080.38 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 6.86 จุด หรือ 0.54% แตะที่ 1,278.36 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 13.18 จุด หรือ 0.50% แตะที่ 2,629.66 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อหลายวันก่อน รวมถึงหุ้นกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพ โดยหุ้นเอทนา อิงค์ และหุ้นฮูมานา อิงค์ ปิดบวก 1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มสุขภาพที่คำนวณในดัชนี S&P 500
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกเช่นกัน โดยหุ้นโฮล ฟู๊ดส์ มาร์เก็ตส์ อิงค์ ปิดบวก 2.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นวอล-มาร์ท สโตเรส ปิดบวก 0.4%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากทางการสหรัฐไม่มีการรายงานข้อมูลที่สำคัญในวันจันทร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้ตัดสินใจเลื่อนการเบิกจ่ายเงินงวดใหม่มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ของกรีซออกไปเป็นช่วงกลางเดือนก.ค.จนกว่ารัฐบาลกรีซจะใช้มาตรการคุมเข้มด้านการคลังและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เดิมทีนั้น การเบิกจ่ายเงินกู้ดังกล่าวได้ถูกกำหนดว่าจะส่งมอบให้กรีซในเดือนมิ.ย. เพื่อที่กรีซจะสามารถจ่ายหนี้พันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน แต่แผนการจ่ายเงินกู้ดังกล่าวได้ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากกรีซยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการใช้มาตรการรัดเข็มขัด
นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทกล่าวว่า นักลงทุนบางกลุ่มอาจจะมองข้ามกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ และหันไปรับเอาปัจจัยจากการรายงานผลประกอบการในภาคเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และคาดว่าเฟดจะยืนยันให้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. วันพุธ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย
วันพฤหัสบดี เฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนพ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ และจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.