นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนกรุงไทยธนทรัพย์ บี 9 ในวันที่ 22 - 28 มิ.ย.54 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ สกุล KRW เงินฝากหรือตราสารการเงินธนาคารต่างประเทศทั้งสกุล AED (ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สกุล USD ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป เช่น Union National Bank, Wing Lung Bank, China Development Bank ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออีก 25% ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของไทย ตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนในประเทศ อันดับเครดิตตั้งแต่ BBB ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี
กองทุนนี้เหมาะสำหรับ ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารที่ลงทุนจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน
ทั้งนี้ มองว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 25-30 bp จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.00% อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของระบบการเงินในประเทศยังมีสูงมาก หลังจากกองทุนเกาหลีใต้เริ่มทยอยครบกำหนดไถ่ถอน และการลงทุนต่อในต่างประเทศลดลง ในเวลาเดียวกันปริมาณตราสารหนี้ของภาคเอกชนเริ่มมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐ
ส่วนภาวะการลงทุนในต่างประเทศค่อนข้างมีความผันผวนตามค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาการจัดการหนี้สาธารณะของกรีซส่งผลต่อการอ่อนค่าของเงินยูโร ปัญหาเงินเฟ้อและการออกมาตรการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียส่งผลให้มีความต้องการถือครองดอลล่าร์สหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลบาทและสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค และมีผลในเชิงลบต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ต่างประเทศในรูปสกุลบาทหลังปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีความผันผวน ดังนั้น การลงทุนในช่วงเวลานี้จึงเหมาะสมหรับการลงทุนเพื่อล็อคผลตอบแทนไว้
นายสมชัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 ดือน 3 เสนอขายถึงวันที่ 24 มิ.ย.54 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 57% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารทิสโก้ และธนาคารไอซีบีซี อีกจำนวน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี