ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐสภากรีซจะลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% แตะที่ 269.59 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 77.41 จุด ปิดที่ 3877.07 จุด และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีทะยานขึ้น 135.30 จุด ปิดที่ 7285.51 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐสภากรีซจะลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ซึ่งการลงคะแนนไว้วางใจรัฐบาลของนายปาปันเดรอูและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะนำไปสู่การผ่านร่างกฎหมายปรับลดงบประมาณการใช้จ่าย และการผ่านกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้กรีซได้รับเงินกู้ฉุกเฉินครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู)
หุ้นกลุ่มธนาคารของกรีซทะยานขึ้นแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ พุ่งขึ้น 9% หุ้นธนาคารเอเอสอีปิดพุ่ง 3.7% หุ้นยูโรแบงก์ปิดบวก 9% และหุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ปิดพุ่ง 7.9%
หุ้นซินเจนตา ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป ปิดบวก 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาสสองพุ่งขึ้น แต่หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์ ปิดร่วง 3.6% หลังจากบริษัทฟอสเตอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของออสเตรเลีย ปฏิเสธข้อเสนอเทคโอเวอร์กิจการจากเอสเอบีมิลเลอร์ มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 2.1% หุ้นบีพีปิดพุ่ง 3.7% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเวทเธอร์ฟอร์ดซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ที่ใช้ในบ่อน้ำมันมาคอนโด ยอมตกลงจ่ายเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก มูลค่า 75 ล้านดอลลาร์
หุ้นโนเกียปิดบวก 3.9% หลังจากบริษัทเปิดตัวสมาร์ทโฟน N9 ในตลาดเอเชีย